เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีการเบิกตัว นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาคดีวางยาฆาตกรรมเหยื่อหลายรายมาเบิกความในคดีฟ้อง นายระพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ ในฐานความผิดหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา หลังไปออกรายการดังช่องหนึ่ง

โดยแอมในชุดนักโทษหญิงสีกากียังไว้ผมยาวทรงเดิม ที่เคยทำสีผมไว้โคนผมเริ่มดำแล้วมัดรวบผมเพื่อความเรียบร้อย ลักษณะภายนอกโดยรวมดูผอมลงมากแต่ไม่โทรม จากครั้งล่าสุดที่เคยปรากฏออกสื่อ แต่หน้าตาดูซีดเซียว ระหว่างที่ ทนายความโจทก์นำแอม พนมมือสาบานต่อพระแก้วมรกต พระหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะเบิกความตามจริง ถ้าเบิกความไม่จริงให้ได้รับผลร้ายต่างๆ โดยแอมสาบานอย่างไม่สะทกสะท้าน ขณะที่ฝ่ายแม่ของ น.ส.ก้อย ผู้ตายได้จ้องมองหน้าแอมตลอดเวลาตั้งแต่เข้าห้องพิจารณามา แต่แอมไม่สบตาด้วย

ต่อมาแอมเบิกความตอบคำถามทนายโจทก์และคำซักค้านของทนายจำเลย แอมเริ่มไม่ค่อยมั่นใจ ออกอาการพูดผิดๆ ถูกๆ เวลาทนายถามซักค้าน อ้างว่ากินยามากจนเบลอ

ภายหลังจากการไต่สวนมูลฟ้อง

‘ระพี’ ยันไม่ขอโทษ ‘แอม ไซยาไนด์’ คดีหมิ่นฯ หากศาลชี้ไม่ผิดฟ้องกลับแน่!

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนายระพี กล่าวว่า วันนี้ศาลได้นัดไต่สวนพยานจำเลยไป 2 คนคือ พ่อและแม่ของ น.ส.ก้อย ศิริพร ขันวงษ์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่พบว่าเกี่ยวข้องกับแอม โดยในขณะไต่สวนพบว่า แอมมีอาการหวาดกลัว โดยเฉพาะช่วงที่นำภาพถ่ายของ น.ส.ก้อย มาให้แอมดู โดยอ้างว่าจำภาพของก้อยไม่ได้ เป็นผลมาจากทานยามาก และไม่ได้เป็นคนถ่ายภาพที่ทนายนำมาให้ดู

นายเดชา ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาแอมพูดไม่ตรงกับความจริงหลายครั้ง มีการกลับคำให้การไปมา และดูเหมือนจะหวาดกลัวกับการรับความจริง แม้ว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งกล้องวงจรปิด และพยานแวดล้อมที่ตำรวจได้นำมาสอบสวนอยู่ในสำนวนคดี จึงไม่ทราบว่าทำไมแอมถึงคิดต่อสู้คดี โดยคดีนี้ถือว่าไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้นัดฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษาในวันที่ 5 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น.

ส่วนการที่จะขอเป็นโจทก์ร่วมของพ่อและแม่ น.ส.ก้อย ในคดีที่แอม ถูกฟ้องในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 2 ต.ค. นี้ และมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานที่แน่นหนา และศาลสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้

ส่วน นางทองพิน เกียรติชนะศิริ มารดาของ น.ส.ก้อย กล่าวว่า ในระหว่างที่ฟังแม่ของแอม เบิกความต่อศาล ก็ไม่เชื่อในคำให้การที่บอกว่า แอมเป็นคนโอบอ้อมอารี ไม่คิดทำร้ายผู้อื่น แต่เห็นว่าขัดแย้งกับพฤติการณ์ของแอม และมั่นใจว่าแอมเป็นคนทำร้ายลูกสาวของตัวเอง ซึ่งวันนี้ก็ไม่ได้ซักค้านในคำให้การของฝ่ายโจทก์ แต่ก็ขอให้เวรกรรมมีจริง ส่วนแอมที่เห็นในห้องพิจารณาคดี ก็พบว่ามีลักษณะซูบผอม ตัวเล็กลง และมีความกังวลหวาดกลัวอะไรบางอย่าง