หลังมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอกำหนดให้วันที่ 31 ก.ค. 2566 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก 1 วัน ในปี 2566 กรณีหน่วยงานที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญ ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน สำหรับรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดให้วันดังกล่าวข้างต้น เป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี ทำให้มีวันหยุดราชการยาวต่อเนื่องตั้งแต่ 28 ก.ค.-2 ส.ค. 2566  ทั้งสิ้น 6 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น..
-ด่วน!! ครม. เห็นชอบเคาะเพิ่ม 31 ก.ค. วันหยุดราชการเพิ่ม

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “หมอหนุ่ม” ได้ออกมาโพสต์ข้อความไม่เห็นด้วย ในการประกาศวันหยุดกระทันหันก่อนหน้า 6 วันเท่านั้น เนื่องจากมีผลกระทบมากมายต่อชีวิตคนไข้ทั่วประเทศ โดยระบุข้อความว่า “ไม่ใช่คิดจะหยุดก็หยุดนะครับ มันมีผลกระทบอีกมากมาย ไม่ใช่เรื่องค่าใช้จ่าย แต่เรื่องชีวิตของคนด้วย…ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการประกาศวันหยุดเพียง 6 วันก่อนที่จะถึงวันนั้น มันมีราคาที่ต้องจ่ายกับสิ่งนี้มากมายนะครับ ราคาที่ว่าไม่ใช่ราคาตัวเงิน แต่มันเป็นราคาของชีวิตคนไข้และราคาของชีวิตคนทำงานครับ

1.ผมมีนัดคนไข้ผ่าตัดไว้เรียบร้อยแล้วในวันที่ 31 และคนไข้เหล่านี้คือคนไข้มะเร็งที่ผมนัดผ่าตัดมาเดือนกว่า และตอนนี้คิวผ่าตัดมะเร็งผมอยู่ที่เดือนกว่าๆ นั่นหมายความว่าถ้าวันจันทร์นี้ผมผ่าตัดไม่ได้ ผมก็ต้องเลื่อนการผ่าตัดไปอีกเดือนกว่า เพราะผมไม่สามารถเอาคนไข้คนนี้ไปแทรกคนไข้คนอื่นที่นัดผ่าตัดไว้แล้วได้ มันส่งผลเสียต่อคนไข้และระบบการนัดคนไข้อย่างมากนะครับ

ไม่รวมคนไข้โรคธรรมดาที่วันนั้นผมก็นัดผ่าตัดเช่นกัน ซึ่งก็นัดไว้ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว เพราะคิวผมอยู่ที่ 3 เดือนโดยประมาณ ดังนั้นถ้าวันจันทร์นี้ผ่าตัดไม่ได้ ผมก็ต้องเลื่อนเขาออกไปอีก 3 เดือน นั่นคือเขาจะได้ผ่าตัดอีกทีเดือนตุลาคม เพราะจากนี้ถึงตุลาคม ผมก็มีคนไข้อยู่เต็มตารางอยู่แล้ว

คุณไม่คิดถึงผลกระทบกันเลยครับ คิดจะหยุดก็หยุด แล้วมันจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือเปล่า

2.คราวนี้ความลำบากก็จะอยู่ที่ห้องฉุกเฉินแน่นอนครับ เพราะแค่วันธรรมดานอกเวลาราชการ ก็จะมีคนไข้ที่ไม่ฉุกเฉิน แต่มาฉุกเฉินมากพออยู่แล้ว
คราวนี้มันก็จะมีคนไข้ที่ยาหมดที่วันนัดวันนั้นพอดี คนไข้ที่นัดไว้วันนั้น แต่ติดต่อเลื่อนนัดไม่ได้และก็มาโรงพยาบาลวันนั้นแล้ว เขาก็ต้องหาทางเพื่อจะได้รับการรักษาและห้องฉุกเฉินก็คือช่องทางนั้นครับ เว้นเสียแต่โรงพยาบาลสร้างช่องทางเพิ่มเพื่อ “วิกฤติ” ในครั้งนี้ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่อีกเช่นกัน เพราะเจ้าหน้าที่ก็คนหนึ่งคนเหมือนกันเขาก็วางแผนชีวิตของเขาไว้เช่นกัน

3.ตอนนี้ผมเชื่อว่าคนที่หัวหมุนมากที่สุด คือคนที่โทรฯ ประสานงานเพื่อเลื่อนนัดคนไข้ครับ มันไม่ใช่คนไข้จำนวนน้อยๆ นะครับ มันเป็นคนไข้นัดหลายร้อยคนในหนึ่งโรงพยาบาล และโรงพยาบาลในประเทศไทยก็มีเป็นพันโรงพยาบาล มันส่งผลกระทบมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลยละครับ

4.คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนไข้ครับ คนไข้ที่ต้องถูกเลื่อนผ่าตัดก็ต้องได้รับการรักษาที่ช้ากว่าเดิน คนไข้ที่อยู่ในบ้านอยู่ในชนบทห่างไกลเมือง
บางครั้งก็ติดต่อเขาไม่ได้ และเขาก็ต้องเหมารถมาเป็นเงินหลายพันบาท เพื่อมาพบว่า… เขาไม่สามารถได้รับการตรวจกับหมอ เพราะวันนั้นเป็นวันหยุด
คนไข้กลุ่มนี้มีอยู่จริงนะครับ แม้คุณจะบอกว่าเทคโนโลยีการสื่อสาร และข่าวคราวตามสื่อก็ออกข่าวเรื่องนี้มากมาย แต่เขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ครับและก็จะมาโรงพยาบาลตามนัดหมายอยู่ดี

อย่าคิดแต่จะสั่งให้หยุดก็หยุดครับ มันมีราคาที่ต้องจ่ายอีกมากมายครับ อาจจะมากมายกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของคุณอีก คิดได้ไง!”

ขอบคุณข้อมูลและภาพ หมอหนุ่ม