เมื่อวันที่ 31 ก.ค. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอก สาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
1.การไม่ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งของกลุ่มอำนาจนิยมฝ่ายขวา นำมาซึ่งการชะงักงันของการเมืองไทย พวกเขาใช้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และองค์กรอิสระสกัดกั้นพรรคการเมืองที่รวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ไม่ให้เป็นรัฐบาล และพยายามกดดันให้พรรคเพื่อไทยสลัดพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ชนะเป็นลำดับหนึ่งในการเลือกตั้งออกจากการเป็นพันธมิตรร่วมจัดตั้งรัฐบาล

2.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงมีกระบวนการกดดันพรรคก้าวไกล เริ่มจากพรรคเพื่อไทยเชิญพรรคขั้วอำนาจเก่ามาพูดคุย และแถลงต่อสาธารณะว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล หลังแถลงจบแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคที่มาร่วมแถลงก็ไปดื่มเครื่องดื่มที่ชื่อช็อกโกแลค มิ้นต์ ชนแก้วกันอย่างรื่นเริง เกิดภาพที่ชวนฉงนขึ้นมา ผิดจากความเป็นปกติทั่วไป โดยปกติหากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ร่วมเจรจา โดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นเจ้าภาพมักจะต้องมีสีหน้าเคร่งเครียดและกังวล แต่กลายเป็นว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยมีสีหน้ายินดีปรีดากับความล้มเหลวในการเจรจาของตนเอง “งานล้มเหลว แต่กลับยินดี” ช่างน่าประหลาดดีแท้กับวิธีคิดของแกนนำพรรคเพื่อไทย

3.แต่เพียงไม่นาน ประชาชนก็ถึงบางอ้อ เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เขียนในเฟซบุ๊กของเธอว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทยวันที่ 10 สิงหาคม พร้อม ๆ กับข่าวที่ว่า แกนนำพรรคการเมืองหลายพรรคบินไปฮ่องกง เพื่อเจรจากับนายทักษิณ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่า นายทักษิณคงประสบความสำเร็จในการเจรจากับกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม เกี่ยวกับการกลับประเทศไทยของเขา เพื่อแลกกับการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล

4.เกิดเป็นสมการอันลือลั่นสนั่นเมืองว่า “แดงบวกเหลือง” รวมกันสกัด “ส้ม” และ เกิดปรากฏการณ์อันพิลึกพิลั่นด้วยอดีตแกนนำเสื้อเหลืองขวาจัดหลายคนออกมาชื่นชมนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย อย่างออกหน้าออกตา เศษซากของความขัดแย้งเหลืองแดงถูกปัดกวาดให้หายไปอย่างฉับพลัน

5.ทว่าอันเนื่องประเทศไทยอยู่ในฤดูฝน ลมฟ้าอากาศแปรเปลี่ยนได้ง่าย แดดออกไม่ทันไร ฟ้าก็มืดมัวด้วยเมฆฝน ดีลลับที่จะทำให้นายทักษิณกลับประเทศไทยที่ดูแจ่มใส พลันดับวูบ การวาดฝันว่า พลันที่มาถึงประเทศไทย แล้วจะได้อภัยโทษออกจากคุกทันที เป็นฝันกลางฤดูฝนเสียมากกว่า สังคมใดเล่าจะทำเรื่องที่ขัดกับหลักนิติธรรมเยี่ยงนั้นได้ หากจะกลับประเทศไทยก็ต้องเข้าทางตรอกออกทางประตู รับโทษทัณฑ์ที่ตนเองทำเสียก่อนตามครรลอง จะมาฉีกครรลองเพราะความเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีดูจะไม่งามนัก

6.เมื่อดีลล้ม การกลับประเทศก็ต้องเลื่อนออกไป รัฐบาลข้ามขั้วก็มืดมัวลง บทเรียนครั้งนี้น่าจะทำให้แกนนำของพรรคต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่” เสียที ตามคำขวัญเดิมของพรรคไทยรักไทย การจมอยู่ในวังวนความคิดเดิมที่เล่นการเมืองแบบเกมอำนาจ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อนำทักษิณกลับบ้านที่ครอบงำความคิดของแกนนำพรรคมาหลายปี ควรถึงเวลาเลิกได้แล้ว และหันมาพัฒนาทิศทางใหม่ให้พรรคมีความเป็นสถาบันการเมืองที่เชื่อมโยงกับประชาชนอย่างจริงใจ แทนที่จะอาศัยมวลชนเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อเป้าหมายบางอย่าง

7.หากพรรคเพื่อไทยคิดว่ายังมีช่องทางใดที่จะชักชวน สส. จากพรรคอื่น ๆ มาสนับสนุนคุณเศรษฐาให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 สิงหาคมได้ ก็ทำไป แต่หากคิดว่า ไร้ความสามารถและอับจนหนทางแล้ว ก็ควรคืนสิทธิการเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้แก่พรรคก้าวไกลเสียเถอะ และควรปฏิบัติตามทิศทางที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ นั่นคือ สนับสนุนญัตติของพรรคก้าวไกลในการยกเลิกมติอัปยศในวันที่ 19 ก.ค. ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และคืนสิทธิการเสนอชื่อการเป็นนายกรัฐมนตรีแก่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

รวมทั้งสนับสนุนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งจะทำให้ สว. สิ้นอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎรจะได้มีอำนาจเต็มในการเลือกนายกรัฐมนตรีเสียที กระบวนการนี้ใช้เวลาน่าจะประมาณ 1-2 เดือน ก็น่าจะเสร็จ จากนั้นก็จะได้เลือกนายกรัฐมนตรีตามครรลองอันชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตยเสียที..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต