เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางจันทนา จำเริญใหญ่ อายุ 48 ปี มารดาเด็ก 13 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหา และ น.ส.นันทิชา ศรีสุข อายุ 36 ปี มารดาผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำพยานหลักฐานภาพถ่ายและกล้องวงจรปิด เข้าร้องเรียน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกรณีลูกชายวัย 13 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ โดยมี พ.ต.อ.วีร์พล ใหญ่อรุณ รอง ผบก.กฎหมายและคดี ในฐานะเวรอำนวยการเป็นผู้รับเรื่อง

นางจันทนา มารดาของเด็กอายุ 13 ปี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ขณะที่ลูกชายนั่งอยู่ภายในกระท่อมกับรุ่นพี่ และถูกชักชวนให้ขึ้นรถกระบะ โดยรุ่นพี่เป็นคนขับ ส่วนลูกชายนั่งอยู่ท้ายกระบะ และมีรถจักรยานยนต์ตามไปอีก 1 คัน ก่อนจะไปเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ต่อทางตำรวจได้มีการเรียกไปสอบปากคำ และแจ้งข้อหาขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ ต่อมาตนเองคัดค้าน เนื่องจากลูกชายขับรถไม่เป็น และนั่งอยู่ท้ายกระบะ โดยถูกรุ่นพี่บังคับให้รับสารภาพ เพราะเป็นเยาวชนจะทำให้ไม่ได้รับโทษหนัก พร้อมกับรับปากจะช่วยเรื่องการประกันตัว และจะดูแลครอบครัวให้ภายหลัง แต่ปัจจุปันลูกชายยังอยู่ในสถานพินิจ จึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้าน น.ส.นันทิชา มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้อิทธิพลในพื้นที่ มีตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็น 1 ในผู้ร่วมก่อเหตุ พยายามแทรกแซงทำให้คดีบิดเบี้ยว ทั้งๆ ที่หลักฐานกล้องวงจรปิดชัดเจนว่า เป็นผู้ก่อเหตุด้วยการใช้อาวุธปืนยิง และทำร้ายร่างกาย จนทำให้ลูกตนเองเสียชีวิต

ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากคดีดังกล่าว มีเด็กและเยาวชนตกเป็นผู้ต้องหา รวมทั้งเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลและข้าราชการในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีและตรวจสอบถึงคนที่ใช้ให้เด็กออกมารับผิดแทน ในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน มองว่าคดีนี้ไม่ได้จบแค่คดีเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วย ตำรวจต้องทำอย่างตรงไปตรงมา.