จากกรณีที่ น.ส.อามิ โฮโซเอะ อายุ 25 ปี นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่น เสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักโรงแรมหรูกลางเมืองเชียงใหม่ ที่พักอยู่กับสามีชาวญี่ปุ่น ที่เป็นผู้พบศพเป็นคนแรก ในสภาพที่นอนคว่ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ และมีสายชาร์จ USB รัดคอ จากนั้นสามีได้เคลื่อนย้ายศพมานอนหงายไว้กับพื้นห้อง เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 66 หลังเกิดเหตุหลายฝ่ายยังกังขาและตั้งข้อสงสัยถึงการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวสาวรายนี้ แม้กระทั่งครอบครัวของนักท่องเที่ยวสาวรายนี้ ที่ได้มีการร้องขอประสานกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ให้ทางแพทย์ที่ประเทศญี่ปุ่น บินมาร่วมชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตด้วย และประเด็นดังกล่าว ยังเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ติดตามมาทำข่าวนี้จำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่น ที่ห้อง ศปก.สภ.เมืองเชียงใหม่ (ชั้น 2) โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า ประเด็นแรก จากการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่เกิดเหตุนั้น ทางตำรวจได้มีการนำกล้องวงจรปิดทุกจุดมาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีใครเข้าออก หรือมีบุคคลอื่นเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งในห้องอยู่กันแค่สองคน คือสามีและผู้เสียชีวิต ไม่มีบุคคลอื่นแน่นอน

ตร.ยังมึน ‘สาวญี่ปุ่น’ ถูกสายไฟพันคอตายในอ่างนํ้า ไม่ฟันธงฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรม

ประเด็นที่สองสาย USB สีขาวที่เป็นสายชาร์จโทรศัพท์นั้น ดีเอ็นเอปลายสายทั้งสองเส้นนั้น จากการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นดีเอ็นเอของผู้ตาย ซึ่งแพทย์ได้ชันสูตรการเสียชีวิต ระบุว่า เกิดมาจากเลือดไปเลี้ยงสมอง เนื่องจากสาย USB นั้น รัดด้านข้างของคอ ตรวจสารพิษไม่พบสารพิษในร่างกาย พบเพียงแค่กาเฟอีนและกัญชาเท่านั้น ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตนั้น เกิดมาจากการฆ่าตัวตาย ไม่มีการฆาตกรรมตามที่หลายคนสงสัย.