เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ชายหาดแหลมลูกไม้ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง นางจริยา ปุ้ยพล อายุ 45 ปี ได้พบซากพะยูนเกยตื้นเสียชีวิต จึงได้ประสานผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วย นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอหาดสำราญ และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบซากพะยูน เพศผู้ มีความยาว 2 เมตร 42 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 250 กิโลเมตร อายุประมาณ 20 ปี เสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 24 ชม. บริเวณลำตัวไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ หรือร่องรอยถูกทำร้ายหรือติดอวนแต่อย่างใด เจอเพียงร่องรอยการต่อสู้ระหว่างพะยูนตัวผู้ด้วยกัน เพราะมีรอยเคี้ยวครูดบริเวณแผ่นหลัง ซึ่งเป็นพฤติกรรมฝูงของพะยูนและอาจมีการบาดเจ็บ ผนวกกับช่วงนี้มีมรสุมคลื่นลมแรงพัดพาพะยูนจนหลงฝูง จนร่างกายอ่อนแออาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พะยูนตายและถูกคลื่นซัดมาจากแหลมจูโหย ของเกาะลิบง มาเกยชายหาดแหลมลูกไม้ในครั้งนี้

นายอำเภอหาดสำราญ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนเองก็ได้รับแจ้งมีพะยูนตายเกยชายหาดใกล้คลองปาตู แหลมตะเสะ หมู่ 10 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ ซึ่งพะยูนที่ตายมาจากแนวเกาะลิบงถูกลงพายุซัดมาฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นหาดสำราญ ซึ่งเป็นพะยูนเพศผู้เช่นกัน อายุประมาณ 20 ปี ความยาว 2 เมตร 50 เซนติเมตร ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์และร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใดเช่นกัน หลังจากมีการผ่าพิสูจน์ซากแล้วพบว่าเกิดจากการป่วยตายตามธรรมชาติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชำแหละพิสูจน์ซากเสร็จก็ทำการฝังกลบที่เกิดเหตุ เนื่องจากสภาพเน่าเปื่อย ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้จึงทำการฝักกลบใกล้ที่พบเจอ

กระทั่งในวันนี้ก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบพะยูนตายมาเกยที่ชายหาดแหลมลูกไม้ เมื่อมาดูก็พบว่าเป็นพะยูน เพศผู้ ก็ได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่มาเคลื่อนย้ายไปพิสูจน์ซาก เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือการติดอวนประมงแต่อย่างใด คาดตายจากแนวเกาะลิบงซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนที่มีหญ้าทะเลเป็นแหล่งอาหาร แต่ในพื้นที่หาดสำราญไม่พบการอยู่อาศัยของพะยูน ไม่มีแหล่งหญ้าทะเลให้พะยูนมาหากิน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง จ.ตรัง เมื่อเก็บรายละเอียดเสร็จแล้วก็จะนำซากพะยูนตัวดังกล่าวไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง.