ภายหลังเครื่องบินส่วนตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แลนดิ้งสู่ประเทศไทยแล้ว ที่สนามบินดอนเมือง บริเวณอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล (Mjets) นายทักษิณ ได้เดินออกจากประตูมาพร้อมกับอุ๊งอิ๊ง โดยได้เข้าทำการก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.10 ก่อนโบกมือทักแกนนำเพื่อไทย และมวลชนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ ซึ่งได้ตะโกนเรียกชื่อทักษิณ ดังกึกก้อง ก่อนที่เดินทางไปยังศาลฎีกา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “คดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ต้องรับโทษตอนนี้มีทั้งสิ้น 3 คดี

1. คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบ็งค์ ตัดสินเป็นคดีแรกเมื่อ 23 เม.ย. 2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี

2.คดีหวยบนดิน ตัดสินเป็นคดีที่ 2 เมื่อ 6 มิ.ย. 2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่ได้มีการให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงก์

3. คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป ตัดสินเป็นคดีที่ 3 เมื่อ 30 ก.ค. 2563 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 5 ปี และให้นับโทษต่อจากคดี เอ็กซิมแบงก์ (คดีที่ 1) และหวยบนดิน (คดีที่ 2) เนื่องจากคดีหวยบนดิน ไม่ได้มีการให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงก์ คดีเอ็กซิมแบงก์กับคดีหวย บนดินจึงจะนับโทษซ้อนกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 ที่บัญญัติให้โทษจำคุกเริ่มตั้งแต่วันมีคำพิพากษา

ซึ่งวันที่นายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยวันนี้ ศาลจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด หรือหมายแดง ให้เริ่มนับโทษจำคุกในคดีเอ็กซิมแบงก์และหวยบนดิน ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566 เป็นต้นไป พร้อมกันทั้ง 2 คดีเลย

ส่วนคดีชินคอร์ป ศาลฎีกาจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด หรือ หมายแดง ให้เริ่มนับโทษจำคุก หลังจากที่รับโทษในคดีเอ็กซิมแบงก์และคดีหวยบนดินเสร็จสิ้นแล้ว รวมแล้ว จำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี (3 ปี (คดีที่ 1= 3 ปี, คดีที่ 2 = 2 ปี นับโทษซ้อนกัน) +5 ปี) โดยคดีที่ 1 กับ 2 นับโทษซ้อนกัน ส่วนคดีที่ 3 รอนับต่อหลังจากรับโทษคดี 1 และ 2 เสร็จสิ้นแล้ว”..

ขอบคุณภาพประกอบ : Thanakrit Vorathanatchakul