เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พร้อมครอบครัวผู้เสียหาย เดินทางไปรับนายอนุชา อายุ 26 ปี อาชีพช่างแอร์ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังบ่ายวันนี้ ศาลอาญารัชดา มีคำสั่งปล่อยตัวเนื่องจากพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว

นายเอกภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 นายกำพล และนางดวงพร สองสามีภรรยา เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับเพจสายไหมต้องรอด กรณีนายอนุชา ลูกชาย ถูกตำรวจ 191 จับผิดตัวเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 ที่ร้านแอร์ ซอยหทัยราษฎร์ 9 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ข้อหา ไม่มารายงานตัวศาลตามที่กำหนด ในคดีเสพยาเสพติดประเภท 1 ขณะขับขี่รถ นำตัวส่งดำเนินคดีพื้นที่เกิดเหตุที่สน.โคกคราม ส่งผัดฟ้องฝากขังศาลอาญารัชดา นำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาพ่อแม่นายอนุชายื่นขอประกันตัว 7 ครั้ง ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลผู้ต้องหาหลบหนีมา 3 ปี ต้องติดคุกฟรี 80 วัน

นายเอกภพ เผยอีกว่า ตนประสานไปยัง พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และพ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน ต่อมา พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว รวมรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนนำไปขอถอนหมายจับต่อศาล และศาลได้สั่งปล่อยตัวในวันนี้

ทั้งนี้ผู้ต้องหาตัวจริงทราบชื่อคือ นายภูวดล อายุ 26 ปี เป็นเพื่อนของนายอนุชา โดยเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.63 นายภูวดล ได้ขับรถเก๋งไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ บก.สปพ. (191) เรียกตรวจค้นพบพิรุธรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง ส่งตรวจหาเสพติดพบมีสารเสพติดประเภท 1 อยู่ในร่างกายเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา เสพสารเสพติดประเภท 1 ขณะขับขี่ วันเกิดเหตุนายภูวดลอ้างไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัว และอ้างว่าตัวเองชื่อนายอนุชา ถูกพิมพ์ลายนื้วมือ

วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาล และทราบภายหลังว่าแม่ของผู้ต้องหาไปขอบัตรประชาชนของนายอนุชามาอ้างเพื่อมาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย แต่เมื่อได้บัตรมาแล้วนำไปให้นายภูวดลให้เป็นหลักฐานว่าชื่อนายอนุชา ตามที่ระบุไว้ครั้งแรก และวันนั้นมีนายประกันมาขอยืนประกัน 2 หมื่นบาท นายภูวดลถูกปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาไม่มารายงานตัวตามศาลนัด ศาลจึงออกหมายจับตามชื่อในบัตรประชาชน

ภายหลังมาร้องทุกข์เพจสายไหมต้องรอด พาพ่อแม่นายอนุชาไปร้อง ผบก.น.2 ตรวจสอบกับศาล ทราบว่าคดีนี้มีนายประกันช่วยประกันตัวนายภูวดลออกไป ติดต่อนายประกันมาดูตัวผู้ต้องหาพบว่าไม่ใช่นายภูวดล ผู้ต้องหาตัวจริง และนายประกันยังมีหลักฐานยืนยันภาพถ่ายนายภูวดลที่ถ่ายไว้ในระหว่างทำเรื่องประกันตัว นำนายประกันขึ้นศาลเบิกความจนศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว ทั้งนี้ทราบภายหลังว่า นายภูวดล ทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อหลบหนีอีกด้วย

ต่อมาภายหลังจากที่นายอนุชา ผู้เสียหายได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าประตูเรือนจำได้โผกอดพ่อ-แม่ และก้มลงกราบเท้า พร้อมกับยกมือไหว้ นายอนุชา กล่าวว่า ขอบคุณขณะที่ตนอยู่ในเรือนจำรู้สึกกังวลและคิดว่าจะยอมรับสารภาพกับตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมให้ครอบครัวมาประกันตัว เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย