จากกรณีร้านดังในกรุงเทพฯ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ทางได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ปังชา” เอาไว้ พร้อมสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และสงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ “ปังชา” และ “Pang Cha” ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้าน หรือใช้เป็นชื่อสินค้า เพื่อจำหน่าย หรือส่งเสริมการขาย นอกจากนั้นทางร้านดังกล่าวยังได้มอบหมายให้ทนายความร่อนหนังสือโนติสเกี่ยวกับการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค่าเสียหายกับทางร้านขนมหวานและร้านชาต่างๆ ที่พบว่า มีการใช้ชื่อ ปังชา ซึ่งมีที่ จ.เชียงใหม่ 2 ร้าน เรียกค่าเสียหาย 102 ล้าน และล่าสุดพบร้านชาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับหนังสือโนติสเรียกค่าเสียหายจากการใช้คำว่า “ปังชา” ที่ป้ายไฟของร้าน และมีการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 7 แสนบาท ด้วยนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านชาชื่อ “ทางช้างเผือก” ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ซอย 4 ถนนศุภสารรังสรรค์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พบกับเจ้าของร้าน คือ น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กาญจนโสรัตน์ อายุ 30 ปีพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ทางร้านเพิ่งเปิดขายชาและนมสดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ส.ค. ก็ได้รับหนังสือจากทนายที่อ้างว่า ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชาและของหวานเจ้าดังในกรุงเทพฯ เพื่อขอให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า เเละเรียกค่าเสียหาย พร้อมกับแนบเอกสารตัวหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 26 ก.ค. 66 จำนวน 2 ใบ และเอกสารรูปภาพหน้าเพจ และป้ายไฟของร้านที่มีการติดสติ๊กเกอร์ด้วยตัวอักษรสีฟ้าคำว่า “ปังชา” ที่ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้า โดยในหนังสือยังระบุว่า จะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 7 แสนบาท หากล่าช้าจะปรับเงิน 1 หมื่นบาทต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมาย รวมทั้งให้แสดงความขอโทษผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ รวมทั้งจะมีการเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม หากพบความเสียหายในส่วนอื่นๆ ด้วย

เจ้าของร้าน เล่าต่อว่า หลังได้รับหนังสือก็ตกใจมากว่าทำผิดอะไร และต่อมาได้มีการติดต่อไปยังผู้รู้กฎหมาย รวมทั้งเจ้าของร้านที่เชียงใหม่ ที่ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ แล้วด้วย เพื่อหาออก ซึ่งทางร้านขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้าของร้านดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะคำว่า “ปังชา” ทางร้านแค่เพียงใช้สื่อความหมายรวมถึงขนมปังและชาเอาไว้ในคำๆ เดียวเท่านั้น และแค่ติดสติ๊กเกอร์เอาไว้ที่ป้ายไฟที่วางหน้าร้านจุดเดียว ส่วนชื่อร้านชื่อ ทางช้างเผือก ก็ไม่ได้มีเกี่ยวข้องใดๆ รวมทั้งลักษณะร้านก็คนละแนวกันด้วย

เจ้าของร้าน ยังบอกอีกว่า เบื้องต้นนั้นทางร้านได้ทำการลอกสติ๊กเกอร์สีฟ้า คำว่า “ปังชา” ออกไปจากป้ายไฟหน้าร้านแล้ว เพื่อตัดปัญหา รวมทั้งในเพจของทางร้านที่บางแฮกแท็กอาจจะมีคำว่า “ปังชา” รวมอยู่ด้วย ก็ได้ลบออกไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่อยากมีปัญหา ทั้งนี้ในส่วนของทางร้านได้มีการติดต่อกับทางร้านที่ จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับหนังสือโนติสการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค่าเสียหายในลักษาณะดังกล่าวเช่นเดียวกัน รวมทั้งได้สอบถามในเบื้องต้นกับทางผู้รู้กฎหมาย และทนาย รวมถึงช่องทางสื่อมวลชน เพื่อขอคำปรึกษา แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในทางกฎหมาย หรือจะฟ้องร้องกลับใดๆ โดยรอดูท่าทีอีกครั้ง

“รวมทั้งขอให้ทางบริษัทใหญ่ดังกล่าวเห็นใจเจ้าของร้าน หรือผู้ประการการอื่นๆ ด้วย อย่าใช้ข้อกฎหมาย หรือช่องโหว่ทางกฎหมายมารังแกกัน อีกทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์นี้มีลับลมคมในอะไรหรือไม่ หรือหนังสือถูกออกมาโดยคนบางคนกันแน่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าของร้านและผู้ประกอบอาชีพร้านชาและที่เกี่ยวข้องจะได้กระจ่าง เนื่องจากล่าสุดทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ได้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้า แต่อย่างใด” น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กล่าว

สรุปดราม่า! ‘ปังชา’จากสงวนสิทธิ์ห้ามเลียนแบบ สู่โนติสฟ้องทะลุ102ล้าน…

-ตอบทุกข้อสงสัยเหล่าทนายแทคทีม ย้ำดราม่า ‘ปังชา’แท้จริงใช้แบบไหนได้-ขึ้นศาลสู้ได้ไหม!

-ทัวร์ลงยับ!ลูกค้าแห่เมนต์เพจร้านดัง ขอโบกมือลาหลังฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์102ล้าน