จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไร้ร่องรอย เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา การตรวจสอบมีบุคคลของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง 8 ราย และยังมีปัญหาการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่ให้นายหน้าเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียนถึง 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ราคา 153,000 บาท โดยเรื่องนี้ จังหวัดได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.-สตง.-ป.ป.ท. เอาผิดทางวินัย แพ่ง อาญา ล่าสุด ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งคณะไต่สวนจัดชุดใหญ่ ตรวจสำนวนตำรวจ ส่วนชาวบ้านที่รักษ์ผืนป่าทยอยส่งหลักฐานการประมูลไม้พะยูงตามโรงเรียนในเขต สพป.เขต 2 หลายแห่ง โดยปรากฏที่โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี โรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก และที่โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก และยังมีการนำหลักฐานกล้องวงจรปิดจับภาพชายฉกรรจ์ 7 คน เข้าไปเจาะดูแก่นไม้พะยูง ภายในโรงเรียนโคกกลางเหนือพิทยา อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดกาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานฝึกอบรม ชุดปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือ ชรบ. มีกลุ่ม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส. ทั้ง 18 อำเภอ เข้ารับฟังการอบรมภายหลังพิธีเปิด นายธวัชชัย รองงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้ให้แนวทางการทำงานที่นอกเหนือจากการร่วมกันป้องกันยาเสพติด แต่ให้ร่วมกันป้องกันหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ โดยเฉพาะปัญหาการตัดไม้พะยูงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของนายทุนค้าไม้ และรวมไปถึงการช่วยกันสอดส่องดูแลต้นไม้หวงห้ามโดยเฉพาะไม้พะยูงที่หลงเหลืออยู่ตามวัด สถานที่ราชการ โดยเฉพาะโรงเรียนที่ปรากฏเป็นข่าวฉาวหลายพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

จากนั้น นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางไปดูไม้ของกลางที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นไม้พะยูงของกลาง จำนวน 27 ท่อน ของโรงเรียนบ้านคำเชียงวัน ต.โนนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งถูกลักลอบตัดนำมาเก็บไว้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 และมีการประกาศขายด้วยวิธีการประมูล ในวันที่ 8 กันยายนนี้ ปรากฏว่าของกลางยังอยู่ครบ

นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวการเปิดโปงพฤติกรรมการตัดไม้หวงห้ามโดยเฉพาะไม้พะยูงตามโรงเรียนในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เขต 2 กาฬสินธุ์ เป็นปัญหาข้ออ้างกล่าวถึงระเบียบพัสดุของธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ว่าสามารถกระทำได้ตามระเบียบพัสดุของกรมธนารักษ์จริงหรือไม่ และตกเป็นข่าวฉาวมานานเกือบ 1 เดือนนั้น ขณะนี้ปรากฏว่า มีชาวบ้านในพื้นที่โรงเรียนที่ถูกตัดไม้พะยูงไปแล้ว ได้ส่งเอกสารหลักฐานผ่านมายัง กอ.รมน.จ.กาฬสินธุ์ รวมถึงชุดเฉพาะกิจ เบื้องต้นที่เป็นข่าวเกิดขึ้น 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี ไม้พะยูงถูกตัดไป จำนวน 22 ต้น 2 ตอ และโรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก ไม้พะยูงถูกตัดไป จำนวน 9 ต้น รวมถึงโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก ไม้พะยูงถูกตัดไป 3 ต้น ทั้ง 3 แห่งนี้ ถูกตัดไม้พะยูงไปทั้งหมดแล้ว เรื่องนี้ ป.ป.ท. จ.ขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับระเบียบพัสดุ รวมถึงข้อห้ามตามกฎหมายในด้านต่างๆ รวมไปถึงความจำเป็นเหตุผลในการตัดไม้ จำนวนเงินที่ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายต่อความเสียหายของไม้พะยูง

นายธวัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นถือว่าการประมูลไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ส่อผิดระเบียบ ผิดกฏหมาย คู่สัญญาระหว่าง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และคำสั่งเลขที่ กค 0305/ว 20 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เรื่องการตัดไม้ในที่ราชพัสดุ อีกทั้งมีข้อมูลการประกอบธุรกิจการค้าไม้จาก พาณิยช์จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ยืนยันว่า กรณีการตัดไม้หรือประกอบธุรกิจการทำไม้โดยเฉพาะไม้หวงห้ามนั้นไม่มีจริง เพราะหากเกิดการซื้อขาย จะต้องมีผู้ประกอบการที่ชัดแจ้ง มีการแจ้งจดขึ้นทะเบียนผู้เสียภาษีกับทางพาณิชย์จังหวัด และต้องได้รับการอนุญาตให้ค้าไม้หวงห้ามด้วย หากมีการกล่าวอ้างว่าเป็นการค้าขายไม้หรือประมูลไม้ถูกต้องถือเป็นการลวงโลก เพราะแม้แต่จะใช้ระเบียบพัสดุก็จะต้องเสียภาษีเข้าหลวง ดังนั้นกรณีนี้ไม่เป็นความจริงยิ่งเป็นการทำไม้พะยูง (ไม้หวงห้าม) เพื่อการค้าเพื่อการส่งออกในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังไม่มีการอนุญาต และขณะนี้ได้ทำหนังสือเชิญให้ทางพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบปัญหานี้ด้วยแล้ว

“ส่วนกรณีสื่อนำเสนอข่าวภาพหลักฐาน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 จากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนโคกกลางเหนือ อ.ห้วยเม็ก สามารถจับภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ 7 คน ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ นำสว่านมาเจาะต้นไม้พะยูงภายในโรงเรียนจำนวน 9 ต้น และมีการพูดคุยกับครูว่าจะมีการประมูลไม้พะยูงขายนั้น ได้วิทยุสั่งการไปยัง นายอำเภอห้วยเม็ก ให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำบันทึกเป็นรายงานว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดนั้นคือใคร เป็นเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ในพื้นที่จริงหรือไม่ หากจริงจะต้องมีการชี้ตัว หากใช่ก็ต้องดำเนินการทางวินัย ม.157 ซึ่งจะต้องสอบถามว่า ธนารักษ์มีหน้าที่อะไรในการตระเวนใช้สว่านเจาะไม้พะยูง ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนข้อมูล จะให้ทางอำเภอประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม ซึ่งหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์กาฬสินธุ์ ก็คงเป็นกลุ่มนายทุนจีนค้าไม้ที่เหิมเกริม แฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเข้ามากระทำการเช่นนี้ จึงถือเป็นภัยคุกคามที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้ไข” รอง ผวจ. กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าการดำเนินการสอบสวนจาก ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. จ.ขอนแก่น แต่มีความเคลื่อนไหวของหลายภาคส่วนที่ให้ข้อมูลแนวทางเพื่อทราบข้อเท็จจริงจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกัน อีกทั้งสองหน่วยงานนี้ก็ยังไม่ให้ข้อมูลแต่อย่างได้ แต่ได้อ้างว่า รายงานเรื่องทั้งหมดส่งไปให้ส่วนกลาง ให้ไปติดตามเอาเองกับอธิบดีกรมธนารักษ์ รวมถึง เลขาฯ สพฐ.

รายงานแจ้งว่า มีความเคลื่อนไหวบนเว็บไซต์ของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ครั้งแรก ตั้งแต่มีปัญหาตรวจสอบการตัดไม้พะยูงโรงเรียนเพื่อการประมูล เป็นการออกประกาศยกเลิกประมูลไม้พะยูงที่ทำเอาวงการค้าไม้ฮือฮาอีกครั้งหนึ่ง โดยประกาศระบุว่า สำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ยกเลิกประกาศขายทอดตลาดต้นไม้ในที่ราชพัสดุ (ต้นพะยูง) จำนวน 27 ท่อน ของโรงเรียนบ้านคำเชียงวัน ต.โนนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยวิธีประมูลด้วยวาจา เนื่องจากคณะกรรมการประเมินราคาต้นไม้ ขอทบทวนราคากลางมูลค่าไม้ขั้นต่ำใหม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ จึงขอยกเลิกประกาศดังกล่าว ปรากฏเป็นไทม์ไลน์ประกาศดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าไม้พะยูงจำนวน 27 ท่อน ได้จากการตรวจยึดที่โรงเรียนบ้านคำเชียงวัน หลังถูกคนร้ายลักลอบตัด และนำมาเก็บรักษาไว้ที่ด้านหลังสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ออกประกาศขายทอดตลาดทางเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 กำหนดเปิดให้มีการประมูลไม้พะยูงจำนวน 27 ท่อน ปริมาตร 2.52 ลูกบาศก์เมตร ราคาเริ่มต้น 40,000 บาท ในวันที่ 8 ก.ย. 66 ที่ห้องประชุมสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ต่อมาประกาศบัญชีไม้พะยูง ที่จะขายทอดตลาดจำนวนดังกล่าวถูกลบออกจากเว็บไซต์ ล่าสุดมีการยกเลิกประกาศ 22 ส.ค. 66 และประกาศยกเลิกทางเว็บไซต์ของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ วันที่ 1 ก.ย. 66 จึงทำเอาบุคคลในวงการค้าขายไม้พะยูง พ่อค้าตัวแทนนายทุนจีน ซึ่งคาดว่ามีหลายคนที่เตรียมเนื้อเตรียมตัวไปจะประมูล รู้สึกผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะไม้พะยูงมีราคาถูก

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่ส่งข้อมูลหลักฐานมาทาง กอ.รมน.จ.กาฬสินธุ์ เริ่มไม่สบายใจในการทำงาน เนื่องจากมองว่าล่าช้า เพราะกรณีนี้นานเกือบ 1 เดือน ซึ่งพบว่ามีเพียงตำรวจส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับ 8 ข้าราชการที่พัวพันกับของกลางที่หายที่หน้าเสาธงสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด แต่ในส่วนของการตัดไม้พะยูงตามโรงเรียน กลับไม่สามารถดำเนินการทราบข้อเท็จจริงอย่างใดได้เลย แม้ทางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้พยายามที่จะติดตามปัญหานี้ เพื่อความกระจ่างของสังคม จึงขอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้เข้ามาตรวจสอบปัญหานี้อย่างเร่งด่วนด้วย