เมื่อวันที่ 8 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี “หน่อง ท่าผา” คนร้ายยิงตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม นั้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีวิสามัญ “หน่อง ท่าผา” ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ และตำรวจพื้นที่ ได้ไล่ข้อมูลสืบสวนจนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จึงได้เข้าล้อมตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเกิดเหตุยิงต่อสู้ ตำรวจจำเป็นต้องใช้อาวุธ จึงเกิดการวิสามัญ จากการตรวจสอบหัวกระสุนพบเป็นปืนกล็อก ขนาด 73 และเป็นปืนกระบอกเดียวกันที่ก่อเหตุยิงสารวัตรทางหลวง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกำนันนก ตนรู้อยู่แล้วว่ายังไง กำนันนกต้องให้การปฏิเสธ จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาจ้างวานฆ่าฯ แต่ตนได้สั่งให้สอบประเด็นร่วมกันฆ่าฯ เพิ่มเติม เพราะหลังจากสอบปากคำแม่บ้านพบว่า กำนันนกเป็นคนสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน ทั้งแกะกล้องวงจรปิด ล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย แต่อย่างไรก็ตาม หากศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด ตามกฎหมายไทยก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ในส่วนของตำรวจจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดี เพราะว่าตัวกำนันนก เป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ สนิทกับข้าราชการหลายส่วน วันนี้จึงต้องย้ายเรื่องมาที่กองปราบฯ กำนันนก จะได้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นใครได้ เพราะเขตอำนาจจะย้ายมาอยู่ที่ศาลอาญารัชดา ไม่ใช่ศาลจังหวัดนครปฐม
“ผู้กำกับและผู้การ ต้องไปทบทวนตัวเองว่าอยู่อย่างไรถึงปล่อยให้นักเลงเหิมเกริมได้ขนาดนี้ ปล่อยปละละเลยยังไงถึงได้มีซุ้มแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่บทเรียน แต่เป็นความบกพร่อง ความย่ำแย่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว