เมื่อวันที่ 17 ก.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 ร่วมกันจับกุมตัว นายกิตติธัช (ขอสงวนนามสกุล) หรือ องค์ หรือ อายุ 33 ปีหรือจิว ห้วยขวาง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.337/2566 ลงวันที่ 15 มิ.ย. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 901/271 ซอยภาวนา แขวงสามเสนนอก เขตห้วงขวาง จ.กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากหญิงสาวผู้เสียหาย อายุ 58 ปีม่ายสาวถูกนายจิว ผู้ต้องหาวัย 33 ปี เป็นมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเก้งกวาง ซึ่งเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีออร่าดึงดูดสาวม่ายสูงวัยได้เป็นอย่างดี โดยจะทำทีเป็นหนุ่มสายบุญ พาเหยื่อเข้าวัดทำบุญ จากนั้นจะเริ่มจดจำรหัสผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารของเหยื่อ และเมื่อเหยื่อเผลอ ไม่ทันระวังนายจิว จะทยอยโอนเงินออกจากบัญชี กระทั่งหญิงสาวผู้เสียหายเริ่มรู้ตัวว่า มีเงินในบัญชีถูกโอนออกไป ยอดเงิน 50,000 บาท จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ จากนั้นนายจิวก็หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย และนายจิวถูกศาลออกหมายจับ

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล และนักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเก้งกวางผู้ชายขายน้ำ กระทั่งได้เบาะแสสำคัญจนสามารถจับกุมตัวได้

สอบสวน นายกิตติธัช ให้การรับสารภาพว่า ตนจบชั้นปริญญาตรี สาขาการบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง หลังจบมาได้ทำงานเป็นพนักงานในธนาคารชื่อดัง หลังจากนั้นได้เป็นนักบัญชีในบริษัทเอกชนชื่อดัง ก่อนจะผันตัวเดินสายเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานจิปาถะทั่วไป กระทั่งได้มาพบกับหญิงม่ายผู้เสียหายในเส้นทางนักบุญ เข้าวัดเข้าวาทำกิจกรรมสายบุญ ติดสอยห้อยตามเป็นเวลาแรมปี จนถึงช่วงเกิดเหตุตนเกิดความโลภ เห็นว่าสาวม่ายที่ตนติดตามมีเงินหลายล้านบาท จึงแอบจดจำรหัสผ่านโทรศัพท์และลงมือแอบโอนเงิน แต่ไม่ได้โอนเป็นจำนวนมากโอนทีละเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นต้นเหตุให้ความสัมพันธ์ทั้งสองได้จบลง กลายเป็นความบาดหมาง และตนพยายามหาเงินไปคืนแต่ก็ยังไม่มีคืนมาเป็นเวลานานแล้ว ยอมรับว่าตนเองผิดจริง และยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ผู้ชายขายบริการหรือบาร์โฮสแต่อย่างใด”

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา จากพฤติกรรมของเจ้าตัว ไม่มีงานทำเป็นกิจลักษณะ ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนลักษณะนี้ ซึ่งตนไม่ขอกล่าวถึง อาจมีหญิงสาวเคยตกเป็นเหยื่อเช่นนี้อีก จึงขอฝากถึงหญิงสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อลักษณะนี้แล้วไม่สามารถบอกใครได้ สามารถแจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะมีการดำเนินการให้อย่างเป็นความลับ แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.