เมื่อวันที่ 28 ก.ย. พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ซึ่งในอดีตเคยเป็นหนึ่งในคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) พร้อมปฏิเสธอ้างว่า ไม่ได้ถูกเชิญมาให้ปากคำเกี่ยวกับความเชื่อมโยงในคดีที่ผู้ใต้บังคับบัญชา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ แต่ตนมาในเรื่องส่วนตัว แค่มาทานอาหารกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่กำลังจะเกษียณ

เมื่อถามว่าตำรวจรุ่นน้องหรือเพื่อนร่วมรุ่นถูกจับกุม มีความกังวลใจหรือไม่ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นขั้นตอนในการทำคดีที่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถมาแสดงความบริสุทธิ์ได้ เพราะตอนนี้เป็นการกล่าวหา และหลักของการสอบสวนไม่ใช่เพียงแค่เส้นทางการเงินไปถึงใครแล้วจะถือว่าเป็นคนผิด ตนเป็นพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด เคยเป็นพยานชั้นศาลในคดียาเสพติดมานับร้อยคดี ซึ่งกระบวนการสอบสวนจะต้องพิสูจน์ว่าบุคคลนั้นผิดหรือไม่ ด้วยหลักความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผล เมื่อครั้งยังเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรหนองคาย ตนจะออกหมายเรียกก่อนที่จะออกหมายจับ ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ความเห็นของคณะพนักงานสอบสวนต้องให้ความเป็นธรรม จะมีธงหรือไม่มีธง แต่กับคดีนี้ส่วนตัว ไม่ทราบแนวทางของคณะทำงานสอบสวน

พล.ต.ต.ไพโรจน์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวเห็นด้วยในการเรียกบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องเข้ามาสอบปากคำ เนื่องจากการสอบสวนต้องทำให้สิ้นกระแสความ ต้องยืนหยัดต่อความถูกต้อง ต้องมีจรรยาบรรณพนักงานสอบสวน หากเชิญตนเองมาให้ปากคำก็ยินดีจะเข้าพบ

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กล่าวยอมรับว่า เคยได้รับเงินจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในการทำงานแต่ละครั้ง ตั้งแต่ปี 2561 ที่เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน เมื่อไปไหน รอง ผบ.ตร. ก็ให้เงินลูกน้องไว้ใช้จ่ายตลอดทุกๆ คน บางครั้งก็เงินสด บางครั้งก็โอนเป็นเรื่องปกติ เพื่อไม่ต้องให้ไปลำบาก ซึ่งตนเคยได้รับครั้งละ 50,000 บาท พอตนมีลูกน้องก็ต้องดูแล ไม่ต้องควักเงินมาทำงาน ให้ไปถามลูกน้องแต่ละคนได้เลยว่าใครที่ทำงานกับตน แล้วมีใครต้องจ่ายเงินบ้าง ทั้งนี้ หากนับว่าเงินโอนต่างๆ เป็นการเชื่อมโยงทางคดี รับรองว่าตำรวจจะโดนกันเยอะมาก