เมื่อเวลา 11.55 น. วันที่ 3 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาหารือภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เรื่องการพบปะกับข้าราชการระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินการคลัง ฝ่ายความมั่นคง จากนี้ต่อไปจะเป็นการทำงานในลักษณะแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปประชุมใหญ่ ที่มีองคาพยพขนาดใหญ่ในลักษณะการประชุมหลาย 10 คน ซึ่งในการประชุมวันนี้ ก็ประชุม 3-4 คน หรือ 6 คนเต็มที่ จากนั้นจะเป็นเรื่องการสั่งการและรับฟังความคิดเห็น โดยการหารือกับ ผบ.ตร. มีเรื่องการให้วีซ่าฟรีของชาวจีน ว่าจากการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง และมีการบริหารจัดการกันอย่างไร รวมถึงมีข้อเรียกร้องอย่างไร เพราะบางข้อเรียกร้องก็เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น 

“วันนี้ถือเป็นการพบปะกันธรรมดา ถือเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่มีอะไรผิดปกติ เรื่องแบบนี้เราทำกันมาอยู่แล้วและภาคส่วนอื่นก็ทำเช่นนี้   เพราะถ้าไม่มีการพูดคุยคิดว่าน่าเป็นห่วง ซึ่งการประชุมต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นทางการมาก  ไม่ต้องมีการเตรียมงาน แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กับทุกคนต้องเตรียมข้อมูล เตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา ไม่ต้องไปเตรียมตัว 2-3 วัน  บอกเช้ามาบ่ายก็ได้  จึงอยากให้ผู้ร่วมงานทุกคน และหน่วยงานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ต้องซีเรียสมากที่จะมาพูดคุยกัน ถ้าหากไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไร ก็กลับไปหาข้อมูลกันมาได้” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าจากการพบกันครั้งนี้ ได้มีการเคลียร์ปัญหาในวงการตำรวจหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าตั้งแต่ช่วงที่มีการแต่งตั้งออกไปทั้ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ก็มีภาพข่าวออกไปแล้วว่ามีการพูดคุยกันในเชิงบวก ซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของทั้งสองท่าน ทั้งนี้ คนเราอยู่ด้วยกัน ก็มีลิ้นกับฟันเป็นธรรมดา และอาจจะยังมีอีกหลายๆ คู่ ที่อาจเป็นคู่กรณีกัน ซึ่งตนไม่ทราบ แต่เรามีนโยบายชัดเจนว่าเรามีภารกิจใหญ่ คือความมั่นคงของประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องทำงานให้ได้ ต้องไม่มีข่าวเชิงลบ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนได้ตลอดเวลา

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีความขัดแย้งกันเองจริงๆ และยังมีอีกหลายคู่ที่มีความขัดแย้งกันใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดาในทุกวงการ แม้แต่วงการสื่อมวลชน อยู่ที่นี่ก็อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา บางคนไม่พูดคุยกันก็มี ถือเป็นธรรมดา 

เมื่อถามอีกว่านายกรัฐมนตรีพร้อมจะห้ามศึกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมคิดว่าเราไม่ต้องห้าม เรามีการพูดคุยกันอย่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นที่ว่าการพูดคุยแล้ว จะต้องมีการทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่จำเป็น เราผิดใจกันได้แล้วก็กลับมาสมานใจกันได้ใหม่ สังคมอยู่ด้วยกันมาจากหลายที่หลายทาง จะให้เห็นตรงกันทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องมีการพูดคุยกัน ไม่ใช่ไปด้อยค่าซึ่งกันและกัน ต้องไม่มีการดูถูกดูแคลนกัน ที่ผ่านมาสังคมแตกแยกกันเยอะแล้ว ก็ขอให้มีมิติใหม่ ในการพูดคุยกันดีกว่า

เมื่อถามต่อว่าได้มีการสั่งการอะไรพิเศษกับ ผบ.ตร. คนใหม่บ้าง นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันวันนี้ ได้ขอให้มีการติดตามในเรื่องวีซ่าฟรีคนจีน เข้ามาต้องไม่มีปัญหา เรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองต้องอำนวยความสะดวกให้ดี แต่อย่าให้สะดวกเกินไปจนกระทั่งลืมเรื่องของความมั่นคง นอกจากนี้ยังได้สั่งการในเรื่องยาเสพติด ต้องดูให้ดี เพราะปัจจุบันเหมือนมีเข้ามาเยอะ ก็ได้กำชับกับ ผบ.ตร. คนใหม่ไป และอีก 2-3 วัน ตนจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกฯ ที่จะไปช่วยดูแลตรงนี้ ซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไป.