ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเครือข่ายพันธมิตรสิ่งแวดล้อมทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมเปิดงานแสดงสินค้าบริการและการจัดการของเสียหรือ Environmental and Waste Management Expo 2023: EnwastExpo2023 ภายใต้แนวคิด “ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ระหว่างวันที่ 4-6 ต.ค.66 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมาว่ารัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ รวมทั้ง การวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศ เพื่อให้เป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดเขตเศรษฐกิจพิเศษ และระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่และเมือง ให้เป็นไปตามผังเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญและกิจกรรม ทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาค รัฐบาลจะไม่ละเลยเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยจะสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาที่ยั่งยืนจะเปิดประตูบานใหญ่สู่การค้าโลก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย
“กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการปฏิรูปการทำงาน เพื่อก้าวสู่ Eco Industrial for Carbon Neutrality โดยมุ่งยกระดับ “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” โดยวางกรอบการดำเนินงานไว้ 4 มิติ คือ มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจ มิติที่ 2 การดูแลชุมชนโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม มิติที่ 3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สู่อุตสาหกรรมสีเขียว มิติที่ 4 การกระจายรายได้ให้แก่ประชาชน และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยจะส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือก มุ่งสู่เศรษฐกิจชีวภาพ และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Bio Circular Economy) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry) ในลำดับต่อไป” น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน โดยเฉพาะขยะภาคอุตสาหกรรมมีมากถึง 33 ตัน/ปี ที่เป็นอันตรายและไม่มีการกำจัดอย่างถูกวิธี ทั้งยังมีการทิ้งโดย ผิดกฎหมาย จึงควรมีวิธีการจัดการขยะอย่างถูกวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเพิ่มจำนวน ผู้ให้บริการกำจัดขยะและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้
“สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับกิจกรรมภายในงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย 1.การจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ 2.การจัดเสวนาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หัวข้อ “การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย” และการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “กฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายลูกที่ออกปี 2566 สำหรับผู้ก่อกำเนินกากอุตสาหกรรม และ 3. การจับคู่ทางธุรกิจ ระหว่างผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับการบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่างๆ
นอกจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนนักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ จะมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ มีการสัมมนาและเวิร์คช้อปอีกมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อม/แบรนด์ดังเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท รวมทั้งการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังตลอดทุกวัน
ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงาน EnwastExpo 2023 ได้ตั้งแต่วันที่ 4-6 ต.ค.2566 นี้ ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี