เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. จำเลยทั้ง 4 คน ในคดีหมายเลขดำ อ.1033/2561 ร่วมกันบุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) พร้อมด้วย น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ เดินทางมายื่นคำฎีกาและเอกสารประกอบในขั้นตอนการฎีกาต่อสู้คดี ภายหลัง น.ส.พวงทิพย์ ได้ยื่นคำฎีกาพร้อมเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ส่วนงานอุทธรณ์-ฎีกา โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงแล้วเสร็จ

น.ส.พวงทิพย์ กล่าวว่า วันนี้อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้ยื่นฎีกา พร้อมคำร้องขออนุญาตฎีกา ซึ่งได้มีข้อต่อสู้ในประเด็นต่างๆ และเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารไว้ หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการพิจารณาในชั้นฏีกาต่อไป

ขณะที่ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ได้ตัดสินจำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทางแกนนำทั้ง 4 คน ได้มายื่นขออนุญาตฎีกา หากอนุญาตก็จะเข้าสู่กระบวนพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลใจ ตนยังยืนยันตามข้อเท็จจริงที่ได้มีการนำเสนอไปตั้งแต่ต้น

ทางด้านนายยุทธิยง กล่าวถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะทำงานให้บ้านเมืองในมิติของสื่อมวลชน หรือในมิติของวิชาชีพอื่นๆ ที่เราได้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ ให้กับบ้านเมือง ตนมองว่ามีเจตนาที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเราจะประคองความบริสุทธิ์นี้ให้นานที่สุด เมื่อไปอยู่แห่งหนใด ก็จะไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนี้เตรียมพร้อมทั้งใจและกายไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ที่ผ่านมาเป็นการเรียนรู้ยกระดับบอกเล่าเรื่องราวในสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ยื่นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก มั่วสุม สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง อั้งยี่ซ่องโจรฯ กรณีร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในช่วงการชุมนุมของ พธม. เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 51 โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 63 ว่า การกระทำของจำเลย เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท พิพากษาให้ลงโทษบทหนักสุด ฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ให้ จำคุก น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 2 นายภูวดล จำเลยที่ 3 นายยุทธิยง จำเลยที่ 4 และนายชิติพัทธ์ จำเลยที่ 5 คนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 65 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม สำหรับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 1 ได้เสียชีวิตลงระหว่างการพิจารณาพิพากษา ศาลจึงสั่งจำหน่ายออกจากสารบบความ