“รัฐบาลเศรษฐา 1 ได้กฤษ์จัดทัพใหญ่ยกคณะรัฐมนตรี(ครม.) บุกกลุ่มอีสานเหนือตอนบน 5 จังหวัดได้แก่ หนองบัวลำภู บึงกาฬ เลย หนองคาย และอุดรธานี ประชุมอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ถือว่า เป็นการประชุม ครม.สัญญจรครั้งแรก กับการทำหน้าที่ของ“นายกฯเศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อม “ครม.เศรษฐา 1” ได้สวมเสื้อ“ผ้าทอขิดสลับหมี่”ลายขอ ผสมลายบัวลุ่มภู ลายอัตลักษณ์ประจำ จ.หนองบัวลำภู ที่จังหวัดเตรียมดันขึ้นแท่นจัดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ประจำจังหวัด  

ที่ “นายกฯเศรษฐา” เลือกปักหลักตั้งโต๊ะประชุมที่ จ.หนองบัวลำภู เพราะเป็นจังหวัดที่ประชาชนมีรายได้ค่าครองชีพที่ต่ำที่สุดของประเทศ ต้องการแก้ปัญหาความยากจนยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยมติครม.ในครั้งนี้ได้อนุมัติที่เสนอโครงการ เพื่อขออนุมัติงบประมาณจังหวัดเพิ่มอีกจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว ด้านยาเสพติด แก้ปัญหาทางการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รวมทั้งผลักดันให้ จ.หนองบัวลำภู เข้าร่วมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย

นอกจากนี้เตรียมยกระดับผลผลิตทางการเกษตร ดัน“ผ้าขิดสลับหมี่” ลายบัวลุ่มภู ผ้าฝ้ายแกมไหม ทอมือลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัด เป็น “Soft power” ตามนโยบายรัฐบาล สร้างรายได้กับเกษตรกร “นายกฯเศรษฐา” ได้ควักกระเป๋าซื้อ “ผ้าขิดสลับหมี่” ให้กับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นฉากหนึ่ง ที่ทำให้การประชุม ครม.สัญจร ปิดฉาก ด้วยความชื่นมื่น และวางคิวงานประชุมครม.สัญจรครั้งต่อไปที่จังหวัดระนองเน้นเมืองรอง และเล็งดู “แลนด์บริดจ์”โครงการบิ๊กเบิ้ม ที่ไปทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนไปดึงนักธุรกิจมาลงทุนไว้

ภาพจำวันนี้ที่ประชาชนมีต่อ”นายกฯเศรษฐา” คือ การทำงานแบบสับๆ ประดุดเป็นการตั้งค่า KPI ของตัวเองปลายปี เร่งปั่นงานตามสัญญาที่ให้ไว้แบบไฟรนก้น แต่ระหว่างทางก็ต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะผลงานที่ออกมามีแต่เรื่องที่ยังจับต้องไม่ได้

โครงการโคตรประชานิยมยังไม่กระดิ๊ก ครบ 3 เดือนประชาชนได้เห็นแค่ภาพ แต่ถ้าถามถึงคุณภาพก็คงได้แค่อากาศธาตุ เพราะต้องคอยวิ่งแก้ปัญหางานเข้างานงอกพัลวันพัลเก ทำเอา “นายกฯเศรษฐา” ความเครียดพุ่งๆ จนผลของเครื่องไบโอฟีดแบ็ค (เครื่องวัดความเครียด)หรือเครื่องคัดกรองสภาวะสุขภาพจิต เตือน จนตัวเองยังตกใจ แต่ “นายกฯเศรษฐ” บอกตำแหน่งนี้ยังแบกไหว เพราะแบบความหวังของประชาชน 68 ล้านคนไว้ จำเป็นต้องแคร์มีเรื่องที่สำคัญเยอะที่ต้องทำ

ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์เจอร์ทัวร์ลงรัวๆ เพราะยังยืนงงในดงคำนิยาม “ซอฟต์พาวเวอร์” จนมาถึงการเคาะงบฯ 5,164 ล้าน ปิดราชดำเนิน จัดสงกรานต์ทั้งเดือน จนคนถามกันขรม “อุ๊งอิ๊ง “ มีอำนาจอะไรในการไปใช้งบ

จนเจ้าตัวออกมาครวญ ว่า ต้อง Move on จากคำนิยามซอฟต์พาวเวอร์ เพราะเราต้องเดินหน้าประกาศให้โลกรู้จักวัฒนธรรมไทย งบฯ 5,100 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ใช้ใน 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ โดยไม่ได้ของบประมาณเพิ่ม เนื่องจากเป็นงบที่อยู่ในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นตัวเลขที่รัฐบาลคิดขึ้นมาแต่เป็นภาคเอกชนเสนอมา รัฐบาลอำนวยความสะดวก อีกทั้งภาคเอกชนก็มีความตั้งใจทำและระมัดระวังเรื่องการใช้งบประมาณอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องรอคณะกรรมการฯชุดใหญ่ที่มี”นายกฯเศรษฐาเป็นประธานฯพิจารณาก่อนจะมีการปรับลดหรือไม่

 อีกทั้งการจัดมหาสงกรานต์ (สงกรานต์ เฟสติวัล) “อุ๊งอิ๊ง” บอกไม่ใช่สาดน้ำทั้งเดือน แต่เป็นการจัดกิจกรรมหวังดึงนักท่องเที่ยวอยู่ยาวและสร้างรายได้ให้กับประเทศ สอดรับกับที่ยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียน “ประเพณีสงกรานต์ไทย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

ต้องยอมรับว่าถึงแม้ “อุ๊งอิ๊ง”จะโดนทัวร์ลงหนัก แต่ก็ยังกลบออร่า “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ได้ บทบาทโดดเด่นออร่าชัด เห็นได้จากคำพูดของ “เสี่ยบอย” สรวงค์ เทียนทอง เลขาเพื่อไทย ที่หลุดคิวในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่โรงแรม เดอะ กรีนเนอร์รี รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่า 10 ปี ที่เพื่อไทยจัดสัมมนามาตั้งแต่สมัย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น“นายกฯหญิงคนแรกของไทย” และเชื่อว่า จะไม่ใช่นายกฯหญิงคนสุดท้าย

จึงเป็นสัญญาณให้เห็นชัดว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นสู่บัลลังก์เป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 ต่อจาก “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกทั้งไม่ว่าจะลงพื้นที่ไหนก็ยังมีกองเชียร์แอบยกป้ายให้เป็นนายกฯคนที่ 31 ตรงนี้ยิ่งเป็นการไปสร้างแรงกดดันให้กับ “นายกฯเศรษฐา”

ถึงแม้เกมของพรรคเพื่อไทยจะมีการวางไว้ว่าให้ “นายกฯเศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง”เดินคู่กันคือให้ “เสี่ยนิด” อยู่ทำเนียบฯดูงานบริหารประเทศ และให้ “อุ๊งอิ๊ง” อยู่พรรคดูแลสส.ในพรรค แต่ก็จะเป็นการแข่งบารมีกันได้เช่นกัน

“นายกฯเศรษฐา”เคยเป็นซีอีโอ มีประสบการด้านการบริหารงาน อีกทั้งยังมีความถนัดทางด้านเศรษฐกิจจึงเป็นความหวังของพรรคเพื่อไทยว่า “เสี่ยนิด” จะกรุยทางให้กับพรรคและ “อุ๊งอิ๊ง” จะได้เรียนรู้ฝึกงานเป็นนายกฯ หวังผลการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่นายกฯบริหารงานมาได้ 3 เดือน ผลงานตอนนี้ยังไม่มีอะไรออกมาให้เห็นเด่นชัด ถึงแม้ออร่าทางด้านเศรษฐกิจจะโดดเด่น แต่ชั้นเชิงทางด้านการเมืองยังอ่อนด้อย ต้องอาศัยฝึกวิทยายุทธ์เพิ่มเติมอีกมาก สังเกตได้จากการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ได้เปิดโอกาสให้สส.ได้แสดงความรู้สึกส่วนใหญ่ได้สะท้อนความอัดอันตันใจ โดยขอให้ผู้ใหญ่ในพรรครับสายโทรศัพท์ สส.หน่อย และให้รัฐบาลเร่งผลัดดันนโยบายที่สำคัญที่หาเสียงไว้กับประชาชนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว นี่จึงเป็นเสียงที่สะท้อนตรงไปถึงตัว”นายกฯเศรษฐา” ทำงานให้ก้มหน้าลงมาดูและนึกถึงสส.ในพื้นที่ด้วย 

ด้วยบุคลิกของ “นายกฯเศรษฐา” ดูเหมือนสส.ในพรรคอาจจะไม่ปลื้ม ทำให้เห็นได้ชัดว่าบารมีด้านการเมืองของ “นายกฯเศรษฐา”ยังไม่แข็งแรงพอ มีช่องว่างอยู่มาก ต้องปรับแผนมาพูดคุยกับสส.ให้มากขึ้น เมื่อเทียบชั้นเชิงการเมืองกับ “อุ๊งอิ๊ง” ยิ่งทำให้งานที่ทำออร่าพุ่งกว่า “นายกฯเศรษฐา”

นอกจากนี้ใกล้เปิดประชุมสภา 12 ธ.ค.ต้องเผชิญกับวาระร้อนหลายเรื่อง อาทิ งบประมาณฯปี 67  ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านโครงการแจกเงินดิจิทัลวอล์เล็ต 1 หมื่นบาท  ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้รัฐธรรมนูญ ตั๋วเพื่อไทย หมูเถื่อน ยังมีประเด็นทักษิณ ชินวัตร ที่จะเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่ทำให้การเมืองไทยร้อนแรง ซึ่งพรรคก้าวไกลเตรียมยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ทั้งหมดจำเป็นต้องใช้เสียงสส.เป็นฐานในการสู้ศึกในสภา

ปศุสัตว์ ขานรับนโยบาย "รมว.เกษตรฯ" เร่งกวาดล้าง "หมูเถื่อน" ช่วยเกษตรกรไทย

ถ้า“นายกฯเศรษฐา”ยังปรับตัวไม่ทันโอกาสเจอแรงฟาดจากสงครามกลางสภาเป็นไปได้สูง จึงต้องจับตาดูเกมทั้งในสภาและนอกสภาจะเร้าร้อนรุมเร้าทำให้รัฐบาลสั่นคลอนรัฐบาลได้หรือไม่  

ยังไม่รวมกับสงครามความทุกร้อนของประชาชนที่ต้องเผชิญปัญหาปากท้องของแพง ค่าไฟพุ่ง ที่ต้องตั้งรับแก้ปัญหาพัลวัน โดยเฉพาะเรื่องการแก้หนี้นอกระบบ ดันเป็นวาระแห่งชาติให้รัฐเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยโดยใช้ “บิ๊กตำรวจ” เช็คลิสลูกหนี้ดึงให้เข้าระบบสู่การปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการปราบอิทธิพล และกระทรวงมหาดไทยตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ” เปิดให้ลงทะเบียนไปแล้วและจะแถลงภาพรวมแก้หนี้แบบครบวงจรในวันที่ 12 ธ.ค.แต่ยังไม่ทันไร ลูกหนี้ที่ไปลงทะเบียนแก้หนี้ เจอกลุ่มเจ้าหนี้โหดบุกพังร้านกันเห็นๆ ท้าทายไม่กลัวอำนาจรัฐ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆเพราะไม่เคยยุคไหนแก้ได้

อีกทั้งเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่คนไทยต่างก็รู้ทันหมดแล้วว่า รัฐบาลเล่นเกมยื้อ ล่าสุด“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตีมึนเดินหน้าตามที่รัฐบาลตั้งธงไวพร้อมบอก ส่งเรื่องไปสอบถามเฉพาะเรื่องกฎหมายและเพียงคำถาม 1 ข้อเท่านั้น ไม่ได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรื่องสถานการณ์ เพราะกฤษฎีกาไม่ได้มีหน้าที่ดังกล่าว

หลายคนจึงเดาทางได้ว่าเกมนี้รัฐบาลน่าจะอาศัยมือกฤษฎีกาทำแท้งตั้งแต่ด่านแรกเลยหรือไม่ ทั้งที่เซียนกฎหมาย อย่าง วิษณุ เครืองาม กรรมการกฤษฎีกา ที่ออกมาชี้ช่องให้ถามกฤษฎีกา 2 ขยัก เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้อย่างไร้ปัญหาไม่มีคดีติดตัว โดยทางออกที่ดี ควรส่งคำถามเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก ควรถามว่า รัฐบาลประสบปัญหาวิกฤต ประเทศชาติมีวิกฤต และรัฐบาลคิดว่าจะทำอย่างนี้ถูกกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ถูกขอให้ช่วยแนะนำว่าควรทำอย่างไร ถึงจะทำได้เพื่อช่วยแก้วิกฤต ซึ่งหากกฤษฎีกาตอบมาว่า ออกร่างกฎหมายกู้เงินได้ก็ค่อยส่ง ร่างกฎหมายไป รอบที่ 2 ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้ว ส่งร่างไป แต่รัฐบาลก็ที่จะไม่ฟังเล่นเกมตื้นๆ

นอกจากนี้ยังมีปมร้อนกับหมูเถื่อน ที่ไล่บี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เร่งดำเนินการแต่ไม่ทันใจ สั่งเด้งฟ้าผ่าหัวหน้าชุดจับหมูเถื่อน “สุริยา สิงหกมล พ้นอธิบดีดีเอสไอแล้ว จากวันนี้จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีทีท่าจะจบง่ายๆ เพราะมีรายการแฉ โดย“ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตร แฉเองเลย หลังมีคลิปหลุดเป็นบทสนทนาลึกลับ ขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยคอนเทนเนอร์หมูเถื่อน 38 ตู้ แลกกับการจ่ายเงิน 10 ล้านบาท บอกว่า เป็นเสียงนักแฉ และนักช่วยเหลือสังคม อักษรย่อ ท. หลังจากนั้น นักแฉ อักษรย่อ ท. ก็ได้ออกมาทำคลิปโต้ทันทีสุดท้ายเรื่องนี้จะจบอย่างไรคงเป็นหนังม้วนยาวที่ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะจับตัวใหญ่มาดำเนินคดีได้จริงไหม   

ปมร้อนผุดออกมาให้เห็นกันรายวัน คงต้องจับตาดู “นายกฯเศรษฐา”จำนำพารัฐนาวาไปได้ไกลขนาดไหน ถ้าไม่รีบสร้างผลงาน ให้ประชาชนเห็นกันในตอนนี้ โอกาสเดินต่อไปถึง 4 ปีคงเป็นได้แค่ฝัน!