เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 สำนักข่าว i24News ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของอิสราเอล รายงานการเคลื่อนกำลังพลของกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือหน่วย IDF (Israel Defense Forces) ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งในนิคมคฟาร์ อาซา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อเช้าวันที่เสาร์ที่ผ่านมา และได้พบสภาพที่น่าสลดใจ เนื่องจากมีชาวบ้านโดนสังหารไม่ต่ำกว่า 40 ราย โดยมีบางรายโดนตัดศีรษะ ตอกย้ำถึงความเหี้ยมโหดของกลุ่มปาเลสไตน์หัวรุนแรงกลุ่มนี้
ขณะที่หน่วย IDF ได้จัดการเคลื่อนย้ายศพของผู้ตกเป็นเหยื่อการสังหารในพื้นที่ พวกเขาก็พบศพของเด็ก ๆ หลายคน โดยทางการมีแผนจะใช้ตัวอย่างกระดูกเพื่อเปรียบเทียบและระบุตัวตนของผู้ตาย
พันเอก อิตัย เวรุฟ แห่งกองกำลัง iDF ระบุว่า ศพในหมู่บ้านมีทั้งผู้ที่เป็นแม่ พ่อ และลูก ๆ วัยแบเบาะ เสียชีวิตอยู่ในห้องนอนหรือในห้องหลบภัย เขาชี้ว่านี่ไม่ใช่สงคราม พื้นที่นี้ไม่ใช่สนามรบ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการสังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์
เช้าวันที่ 7 ต.ค. 2566 กลุ่มหัวรุนแรงชาวปาเลสไตน์หรือกลุ่มฮามาส ได้ออกมานอกเขตฉนวนกาซา และบุกโจมตีพื้นที่ของอิสราเอลหลายแห่ง ในขณะที่ประชาชนกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน ชาวอิสราเอลจำนวนมาก ไม่เว้นทั้งหญิง ชาย เด็กและผู้สูงอายุ โดนลากออกมาที่ถนน โดนสังหารและตัดศีรษะ บ้างก็โดนกวาดต้อนกลับไปยังฉนวนกาซาเพื่อเป็นตัวประกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 900 คน นับเป็นการบุกโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ภายในตัวเมืองของนิคมคฟาร์ อาซา ซึ่งอยู่ห่างจากเขตฉนวนกาซา ไม่ถึง 1 กม. มีศพประชาชนจำนวนมากถูกทิ้งไว้ตามถนน รถยนต์หลายคันโดนเผา อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ่งบอกถึงการบุกโจมตีอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมของฝ่ายตรงข้าม
ทหาร IDF หลายนายให้ข้อมูลว่า พวกเขาพบศพเด็กทารกโดนตัดศีรษะออก บางบ้านก็โดนจ่อยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิตทั้งครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ นั้นเห็นได้ชัดว่า โดนลากตัวออกมาจากเตียงหรือรถเข็นเด็ก
ชาวบ้านที่เสียชีวิตในนิคมแห่งนี้ โดนทำร้ายด้วยอาวุธหลายชนิด ซึ่งมีตั้งแต่ปืน มีด และระเบิดมือ แทบทุกบ้านโดนบุกทำลายและมีร่องรอยการเผาบ้าน เพื่อบีบให้คนที่อยู่ในห้องหลบภัยในตัวบ้านต้องออกมาข้างนอก
ตามรายงานของ IDF พบศพในตัวเมืองแห่งนี้ราว 200 ราย หลังจากที่กองกำลังอิสราเอลยึดพื้นที่คืนได้แล้ว และยังคงปฏิบัติการต่อไป เพื่อสกัดกั้นการก่อการร้ายจากฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่
ที่มา : foxnews.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
