เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันในการสร้างสถานการณ์ให้นักโทษชายเด็ดขาด ได้รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวงหรือไม่ โดยมีนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข เป็นตัวแทนรับเรื่อง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนได้เผยแพร่ภาพกันอย่างกว้างขวาง เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 1 ภาพ ซึ่งอ้างว่าเป็นภาพของการเคลื่อนย้ายนักโทษเด็ดขาดชาย ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ป่วยจากชั้น 14 ของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ลงมาชั้นล่างผ่านทางเดินเท้าเพื่อไปทำซีทีสแกน (CT SCAN) และเอ็มอาร์ไอ (MRI) ที่ตึก ภปร. โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่มีการปิดกั้นมิให้ผู้ใดล่วงรู้ หรือถ่ายภาพได้ แต่กลับมีภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกมาสู่โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนเพียงภาพเดียวเท่านั้น ชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาที่จะสร้างละครปล่อยภาพให้เป็นข่าว จึงไม่มีการปิดบังใบหน้าผู้ป่วย ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเป็นการเล่นละครจัดฉากกัน เพื่อหวังการตบตาสังคมหรือเพื่อเอื้อประโยชน์กันในการชงเรื่องมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอนอนรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ ต่อไปโดยไม่ต้องกลับเข้าเรือนจำฯ อีกหรือไม่ และชายผู้ที่นอนป่วยดังกล่าวมิได้มีการตัดผมเกรียน ซึ่งไม่เป็นไประเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง 2565 ที่กำหนดไว้ชัดเจนในข้อ 9 ว่า “นักโทษเด็ดขาดชายให้ไว้ผมสั้น ด้านหน้าและด้านกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 ซม. ชายผมรอบศีรษะเกรียนชิดผิวหนัง” ซึ่งผู้ต้องขังหรือนักโทษทางการเมืองต่างๆ ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปทุกราย ก็เห็นถูกตัดผมสั้นกันทั้งสิ้น แต่กรณีนักโทษชายรายดังกล่าว ทำไมจึงเลือกปฏิบัติหรือให้อภิสิทธิ์ชนจนดูน่าเกลียดเกินไปหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญการที่กรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้นั้น ต้องเป็นไปตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 คือ ต้องเป็นผู้ต้องขังซึ่งป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อเท่านั้น ส่วนนักโทษชายรายนี้นั้นผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แถลงเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 ว่ามีประวัติการป่วยเพียง 4 โรคสำคัญเท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด ดังนั้น การที่กรมราชทัณฑ์ให้ความเห็นชอบให้นักโทษเด็ดขาดชายรายนี้ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ หรือโรงพยาบาลตำรวจนั้น เป็นการใช้อำนาจเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และหรือจึงเป็นการใช้ดุลพินิจมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าวตนเล็งเห็นว่าปลัดกระทรวงยุติธรรม ไม่ควรทำหน้าที่เพียงแค่เป็นตรายางหรือรับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาเพื่อทราบแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ควรต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในการทำความจริงให้ปรากฏได้ ด้วยการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบเพื่อนำความจริงมาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ หากพบใครผิดก็ลงโทษ

นายศรีสุวรรณ กล่าวเสริมว่า การที่อ้างว่านายทักษิณเป็นผู้ใหญ่ ตนอยากเรียนถามว่าผู้ใหญ่ตรงไหน ก็แค่นักโทษเด็ดขาดธรรมดาคนหนึ่ง หากย้อนกลับไปมีนักโทษเด็ดขาดทางการเมืองจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีของอากง ซึ่งก็เป็นผู้สูงอายุ เมื่อเข้าไปในห้องขังก็ต้องตัดผม ดังนั้น นักโทษรายนี้เป็นเทวดามาจากไหน มีผลประโยชน์ หรือเอื้อประโยชน์ใดต่อผู้บริหารของกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีข้อพิรุธหากหลังจากนี้จะมีการรักษาตัวนอนเรือนจำฯ เกิน 60 วัน แพทย์ รพ.ตำรวจ ก็จะต้องมีการรายงานความเห็นมาที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอต่อไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติ และถ้าจะมีการนอนรักษาตัวเกินกว่า 120 วัน ก็จะไปสิ้นสุดที่ชั้นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตนเห็นว่าเมื่อช่วงจะนอนรักษาตัวเกิน 30 วัน ก็มีการปล่อยข่าวว่านักโทษรายนี้เข้ารับการผ่าตัด จึงเป็นเหตุให้มีการขยายระยะเวลาการนอนที่ รพ.ตำรวจ และเมื่อจวนจะครบ 60 วัน จึงมีการทำอีเวนต์เป็นภาพดังกล่าว เพื่อทำหนังสือขอขยายระยะเวลาการรักษาตัว

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการราชทัณฑ์ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ทบทวนการใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่หากไม่ฟังอีก ตนก็จะเดินหน้าฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร้องแพทยสภาให้ตรวจสอบว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และมีความจำเป็นต้องรักษาตัวนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ รวมถึงสุดท้ายจะไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดพิษณุโลก ว่ากระบวนการพิจารณาคดีและการรักษานายทักษิณ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เป็นไปอย่างเท่าเทียม ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินและจะกลายเป็นว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ต.ค. นี้ ขอให้รอดูได้เลยว่า 100% คงมีการอนุมัติให้นายทักษิณได้รับการนอนพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเข้าร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ในครั้งนี้ เหตุเนื่องมาจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดี อยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ จากการป่วยด้วย 4 โรครุมเร้า ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด พังผืดในปอด ความดันโลหิตสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม แพทย์และราชทัณฑ์ลงความเห็นว่าต้องมีการรักษาต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะย้ายนายทักษิณไปรักษาที่ รพ.อื่นๆ หรือส่งกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกทั้งนายทักษิณอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวเกินกว่า 30 วัน และกำลังจะเข้าสู่การนอนพักรักษาตัวครบ 60 วัน ในวันที่ 22 ต.ค. นี้ และหากแพทย์มีความเห็นอย่างไร ก็จะต้องรายงานผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเสนอขออนุมัติกับปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น.