กรณีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนบุกเดี่ยวเข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตรเลียม เลขที่ 111 หมู่ 4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงใส่ นายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร สส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จนเสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและญาติที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่มามีการจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุได้ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เปิดภาพวงจรปิดคนร้ายยิงโหด ‘ทนายมานพ’ ดับสลดคาปั๊มน้ำมัน

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2915/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายอาญา6 เป็นโจทก์ และน.ส.ธิษณามดี เสถียรเขตต์ โจทก์ร่วม ฟ้อง นายนิติพนธ์ ฉ่ำชื่น,นายปิติ นิชรัตน์,นายเสถียร บุญกล้า เป็นจำเลยที่ 1-3 กระทำผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ,ร่วมกันพาอาวุธปืน ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านฯ และโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว,ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุฯ

คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2565 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันมีอาวุธปืน.38 ซึ่งเป็นของบุคคลอื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายที่เป็นของจำเลยที่ 3 โดยจำเลยทั้ง1-2 มีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้วางแผนไว้ล่วงหน้า แบ่งหน้าที่กันทำ ใช้อาวุธปืนดังกล่าวไปยิงนายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดังอดีตผู้สมัคร สส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย 3 นัดจนถึงแก่ความตาย ที่ปั้มนำมัน ตำบลบ้านค่าย อ.บ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยวันนี้มีญาติของ นายมานพ มาร่วมรับฟัง และเบิกตัวจำเลยทั้ง 3 จากเรือนจำ

ศาลพิเคราะห์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่1-2 กระทำผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความเป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องกันโดยไม่มีพิรุธ ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำ แม้คำให้การในชั้นสอบสวนจะเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ตามสภาพแวดล้อม แหล่งที่มา ซึ่งตำรวจเป็นผู้สอบสวนและข้อเท็จจริง โดยจำเลยที่2 ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ ซัดทอดจำเลยที่1 ว่ามีส่วนในการวางแผน การกระทำผิดด้วยอย่าง การเข้าพักที่รีสอร์ทห้องเดียวกัน มีการพาไปดูสถานที่ก่อเหตุ ทั้งนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุด เห็นว่าหลังจากที่จำเลยที่2 ก่อเหตุฆ่าผู้อื่นตายแล้วได้ทิ้งรถจักรยานยนต์และไปขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่1 ขับรถยนต์มารับ

ระทึก! บุกรวบ ‘มือปืนพระกาฬ’ รัวฆ่า ‘ทนายมานพ’ หลังหนีกบดานกลางกรุง

ดังนั้นจึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่2ใช้อาวุธของผู้อื่นมายิงผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่าแบบไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ใกล้ กับสถานที่เกิดเหตุพอจะให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่หนึ่งกระทำผิดร่วมกับจำเลยที่2 แต่เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ คือพฤติการณ์ของจำเลยที่1 ที่พาจำเลยที่2 ไปดูสถานที่ก่อเหตุจัดหารถจักรยานยนต์ นัดหมายเพื่อหลบหนี มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่2 จึงเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกจำเลยที่สองในการกระทำผิดจำเลยที่1

จึงมีความผิดฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา 289 (4) จำเลยที่3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนที่จำเลยที่2 ใช้ใช้ก่อเหตุ เนื่องจากจำเลยที่ 3เป็นผู้ซื้อปืนและครอบครองอย่างถูกต้องโดยอ้างว่าจะนำไปให้บุตรชายป้องกันตัว จากนั้นได้ฝากภรรยาเก็บไว้และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธปืนอีก ซึ่งคำเบิกความของจำเลยที่3 มีน้ำหนักน้อย เชื่อว่าจำเลยที่3ได้นำอาวุธปืนไปมอบให้กับคนร้ายเพื่อให้จำเลยที่2 ไปยิงผู้ตาย จำเลยที่3 จึงมีความผิดฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

พิพากษาว่า จำเลยที่1-3 มีความผิด การกระทำความผิดของจำเลยที่1-2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำเลยที่1 ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานเป็นผู้ ผู้สนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยที่2 ให้ลงโทษประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่จำเลยที่2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุให้บรรเทาโทษ คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่3 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานสนับสนุนให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้แก่โจทก์ร่วมจำนวน 2,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ละเมิด (15 ส.ค.65)