กรณีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง อายุ 37 ปี ผู้ต้องโทษในความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน และจะพ้นโทษในวันที่ 6 พ.ค. 2586 ก่อนหลบหนีขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ต่อมาศาลออกได้อนุมัติหมายจับ 4 ผู้ช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 และตำรวจสืบสวนภาค 9 และตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถจับกุมตัว นายคเนศ หรือบอย สลัม ทองประจง อายุ 28 ปี 1 ในผู้ต้องหา โดยจับตัวได้ขณะเช็กอินเฟซบุ๊ก พาแฟนสาวไปดูหนัง “สัปเหร่อ” ในห้างไดอาน่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเย็นวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นให้การภาคเสธ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ด่วน! จับเพิ่มอีก 1 ทีมช่วย ‘เสี่ยแป้ง’ ดอดดูหนัง ‘สัปเหร่อ’ แล้วดันปวดท้อง

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ต.ค. พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช รรท.ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมตำรวจชุดสืบสวน และ พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.จ.นครศรีธรามราช นำตัวนายคเณศ ออกจากห้องขังมาสอบปากคำอีกครั้ง ใช้เวลาสอบสวนนานประมาณ 1 ชม. ในที่สุดนายคเณศ เปิดปากยอมรับสารภาพจนหมดเปลือกว่า ได้ร่วมขบวนการวางแผนช่วยเหลือ เสี่ยแป้ง หลบหนีออกจากจริง โดยวางแผนกับเสี่ยแป้ง ในวันที่ไปเยี่ยมในคืนแรก ตอนเสี่ยแป้งนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงคนไข้ โดยบอกว่าหากหนีสำเร็จจะได้รถกระบะใหม่ 1 คัน ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักผู้คุม และผู้คุมไม่เกี่ยวข้อง เพียงแค่บังเอิญนามสกุลเดียวกัน และเคยเจอกันตอนที่ตนติดคุกเท่านั้น

หลังสอบสวนตำรวจได้คุมตัวนายคเณศ ไปชี้จุดที่เกิดเหตุต่างๆ ใน รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจุดนัดพบกับ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม นายจักรี และทีมงานที่รอช่วยเหลือเสี่ยแป้งเหมือนกัน บริเวณ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช หลายจุด ก่อนพาตำรวจไปค้นบ้านพักซึ่งเป็นบ้านเช่าหลังหนึ่งริมถนนสายพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดรถ จยย.เวสป้าสีขาว ที่ใช้ขี่ใน รพ.มหาราชฯ คืนเกิดเหตุและค้นหาหลักฐานอื่นๆ ได้อีกจำนวนหนึ่ง ก่อนพากลับ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อสอบสวนปากคำขยายผลไปถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือที่ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีเพิ่มเติม โดยแนวทางสืบสวนยังพบว่า มีคนมีสีคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในขบวนการนี้ด้วย อยู่ระหว่างตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาที่ยังเหลืออีกกว่า 10 คนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติกรรมของนายคเณศ พบว่า ช่วงบ่ายวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เสี่ยแป้ง ได้โทรศัพท์หานายคเณศให้เข้ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลัง น.ส.วิลาวัลย์ ส่งโทรศัพท์ให้ก่อนหน้านี้ และเมื่อนายคเณศ เข้ามาเยี่ยมในช่วงค่ำวันดังกล่าวแล้ว ขณะนายคเณศ กำลังจะกลับ เสี่ยแป้งได้บอกบอยว่า “ให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน รอเพื่อนอีกคนมา” จากนั้นนายคเณศ ออกไปรับเพื่อนคนดังกล่าวที่หน้าลิฟต์ชั้น 6 ปรากฏว่าเป็นนายจักรี และ น.ส.วิลาวัลย์ เดินออกมา แต่นายคเณศ ไม่รู้จักนายจักรี รู้จักแต่ น.ส.วิลาวัลย์ เพราะเคยมารับจ้างเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อหลายเดือนก่อน หลังออกจากคุกช่วงเดือน มี.ค. ผ่านมา

หลังจากนั้น น.ส.วิลาวัลย์ แนะนำให้รู้จักกัน ก่อนที่นายจักรี ส่งกระเป๋าให้ช่วงตี 3 ของคืนวันที่ 20 ต.ค. ในกระเป๋ามีอุปกรณ์คีมตัดเหล็ก เพื่อนำไปให้เสี่ยแป้งที่นอนอยู่บนเตียง โดยเสี่ยแป้ง ก็พยายามใช้คีมตัดโซ่ตั้งแต่ช่วงราวตีสามถึงตีห้า แต่ไม่สำเร็จ ทั้ง 3 คน จึงพากันลงมาด้านล่าง โดย น.ส.วิลาวัลย์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งนายจักรี ที่รถยนต์ที่จอดไว้ด้านหลังโรงพยาบาลบริเวณตึกเอกซเรย์รังสี ก่อนพากันแยกย้าย ต่อมาเช้าวันที่ 21 ต.ค. เสี่ยแป้งได้โทรศัพท์ให้นายคเณศ ให้หาซิมโทรศัพท์มาให้อีก 1 ซิม ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์มาให้ที่ตึกกายภาพของโรงพยาบาล ด้านหลังโรงพยาบาล โดยมี น.ส.วิลาวัลย์ เป็นคนลงมารับซิมดังกล่าว ก่อนพาขึ้นไปให้เสี่ยแป้ง เพื่อเตรียมวางแผนหลบหนีอีกครั้งเป็นคืนที่ 2 จนสำเร็จดังกล่าว