เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีในส่วนขนำที่เป็นประเด็นอยู่ว่า ตำรวจโดนผีหลอกจากการปฏิบัติหน้าที่ไล่ล่าติดตามตัว “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ หลบหนีออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา นายแจ้ง แสงกุล หรือผู้ใหญ่แจ้ง บ้านตระ อายุ 68 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านตระ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้ให้ข้อมูลว่า ตนก็ทราบประวัติว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2530 ซึ่งตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้มีผู้หญิงซึ่งตั้งครรภ์ หรือท้องบุตรอยู่นั้น ไปเสียชีวิตหรือตายทั้งกลมที่ขนำหลังดังกล่าว แต่ตนไม่ยืนยันว่าจะเสียชีวิตด้วยงูรัดหรือไม่

แต่คนที่ถูกงูรัดก็มีจริง ซึ่งเป็นงูตัวใหญ่ที่สุดในขณะนั้น ที่มีคนพบเจอที่ชุมชนบ้านตระ คนเสียชีวิตเป็นผู้หญิง เป็นภรรยาของนายมานิจ รองเดช เหตุการณ์นั้นไม่ได้ทำให้หญิงรายนั้นเสียชีวิต เพราะขณะที่งูรัดตัวอยู่นั้น เขาได้ถือมีดกรีดยางพาราและใช้มีดนั้นกรีดบนลำตัวของงู จนงูเสียชีวิต และทำให้เขารอดชีวิตมาได้ และต่อมาเขาก็ได้เสียชีวิต น่าจะด้วยโรคมะเร็ง ร่างกายซูบผอม ในภายหลังจากเหตุการณ์นั้น ซึ่งมีการนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.สตูล โดยขณะนั้น ตนก็ได้ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพด้วย ในฐานะเป็นลูกบ้านตน

ส่วนการที่คนจะถูกหลอกจริงหรือไม่นั้น ชาวบ้านก็เคยเล่ากันว่าเคยถูกหลอก จนไม่มีใครกล้าไปอยู่ขนำหลังนั้น ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูงที่ตำรวจจะโดนหลอก เช่นด้วยความมืด และชุมชนบ้านตระมีประวัติ หากพูดถึงการเสียชีวิตในบ้านตระนั้นมีเยอะ การจะเสียชีวิตด้วยการป่วยไข้นั้น มีน้อยที่สุด แต่จะเสียชีวิตด้วยการถูกยิงเยอะมากกว่า และชุมชนบ้านตระมีสุสาน หรือกุโบร์ถึง 2 แห่ง และมีการฝังร่างผู้เสียชีวิตไว้จำนวนมาก

เท่าที่ตนเคยประสบพบเจอมากับตัวนั้น การถูกผีหลอกนั้น คือการถูกผีอำ ตนนอนอยู่แต่ถูกผีนั่งทับตัว หายใจก็ไม่ออก พลิกตัวก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ แต่การจะมาถูกหลอกโดยการมาแลบลิ้นปลิ้นตานั้นไม่เคยเจอ ตนมองว่าการโดนหลอกนั้น เพราะเราไปนอน เราไม่รู้เรื่องแล้วก็โดนหลอก ซึ่งสาเหตุที่โดนก็คิดว่ามาจากความอ่อนล้า และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปนอนที่ไหนก็อยากให้บอกเจ้าที่เจ้าทางหรือบอกกล่าวเจ้าของที่สักหน่อย ตนก็อยากฝากถึงผู้บังคับบัญชาตำรวจว่า ในการสั่งให้ลูกน้องไปทำงาน ให้ไปบอกทวดเล็ก ตาหมอเหรียญ ว่าฝากลูกไว้ด้วย ให้ช่วยปกป้องเจ้าหน้าที่ด้วย และตั้งข้าวตอกไว้ที่ศาลทวดเอียด ที่บริเวณเขาตู ก่อนขึ้นชุมชนบ้านตระ.