เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรม อุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 ร่วมแถลงผล “Operation Inbox Scam พิทักษ์รากแก้ว ทลายทรชน” เครือข่าย “แก๊งรถไถทิพย์” ออนไลน์

พ.ต.อ.มรกต กล่าวว่า กลุ่มนี้จะมีการหลอกลวงในรูปแบบที่ค่อนข้างซับซ้อน เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่ต้องการซื้อขายรถไถนามือสอง โดยจะแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊ก ซื้อขายรถไถนามือสอง เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ตามกลุ่ม ก่อนจะสร้างเพจแสดงตนเป็นนายหน้าขายรถไถ ติดต่อไปยังผู้ที่ต้องการขายรถไถ อ้างตัวว่า ต้องการรับซื้อรถโดยให้ราคาสูง พร้อมกับให้ส่งภาพนิ่งวีดีโอและรายละเอียดต่าง ๆของตัวรถมาให้

จากนั้น จะนำข้อมูลทั้งหมดได้ไปโพสต์ขายอีกต่อหนึ่ง โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของรถ จะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด 50% โดยราคาจะอยู่ที่ 250,000 บาทถึง 300,000 บาท เมื่อมีผู้เสียหายหลงเชื่อสนใจติดต่อขอซื้อ ก็จะแจ้งไปยังเจ้าของรถตัวจริงที่ติดต่อขอซื้อไว้ตอนแรก ว่าตนจะซื้อและว่าจ้างรถสไลด์ไปรับรถไถที่บ้าน โดยในขั้นตอนนี้ผู้ต้องหาอาจวางเงินมัดจำกับเจ้าของรถตัวจริง หรือใจปล้ำยอมวางเงินมัดจำว่าจ้างรถสไลด์ให้

จากนั้นเมื่อรับรถออกมาแล้วก็จะนำรถไถไปส่งให้กับผู้ซื้อตามที่นัดหมายกันไว้ เมื่อรถไถไปถึงที่หน้าบ้านผู้ต้องหาจะเร่งเร้า ให้ผู้ซื้อรีบโอนเงินให้ และเมื่อโอนเงินมาให้เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการตัดการติดต่อและส่งเงินจำนวนดังกล่าวต่อให้บัญชีม้าจำนวน 6 ทอด ส่วนเจ้าของตัวจริงจะไม่ได้เงิน และพยายามติดต่อให้รถสไลด์ นำรถไถกลับมาส่งคืน

ทั้งนี้ ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้เริ่มก่อเหตุมาหลายปีแล้ว โดยพบว่ามีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการในเครือข่ายนี้จำนวนประมาณ 10 คน มีการแจ้งความไว้ใน 5 พื้นที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ และมีการแจ้งความออนไลน์ไว้รวม 53 คดี มูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 3 ล้านบาท ตำรวจไซเบอร์จึงรวบรวมพยานหลักฐานลงพื้นที่สืบสวนจนทราบตัวของกลุ่มผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด จึงไปขอศาลออกหมายจับและเข้าจับกุมตัวหัวหน้าขบวนการซึ่งเป็นคนหลอกลวงคือ นายกนกชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และจับบัญชีม้าทั้ง 6 แถว รวมถึงคนรวมบัญชีม้า รวม 7 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นคนกดเงินที่ชายแดนอำเภอแม่สาย ซึ่งกลุ่มคนร้ายไหวตัวทันไม่เดินทางมากดเงินและหลบหนี

จากการสอบปากคำ นายกนกชัย ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวจริง โดยนำวิธีการมาจากการหลอกจำนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเงินที่หลอกได้ก็จะนำไปซื้อทองคำเก็บไว้ บางส่วนก็จะนำไปซื้อของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา เที่ยวใช้เงินเปย์ผู้ชายซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจสามารถยึดได้พบแชทการพูดคุยกับชายหนุ่มหลายคน โดยมีการโอนเงินและมอบทรัพย์สินให้ ส่วนเงินบางส่วนก็จะนำไปใช้วิ่งเคลียร์ผู้เสียหายที่แจ้งความตามสถานีตำรวจต่าง ๆ จึงทำให้รอดคดีมาได้หลายปี.