เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เผยความคืบหน้าคดียิงน้องหยอด นศ.อุเทนถวาย และครูเจี๊ยบ ครู รร.พระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต กรณีพบรอยสัญลักษณ์ฟันเฟืองประทับบริเวณร่างกาย หัวไหล่ และเสื้อช็อปของกลุ่มผู้ต้องหาที่จับกุมจากคดีนี้ ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นเหมือนอวยชั้นยศ เสมือนเหล่าทัพ วิธีการ นำเหล็กไปเผาไฟก่อนจะนำมาประทับในร่างกายของผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุเพื่อแสดงให้เห็นระดับชั้นจากการก่อเหตุแต่ละครั้ง ซึ่งมีความหมายสำหรับขบวนการว่า หากมีมาก ก็จะเป็นระดับยศชั้นสูงหรือเป็นผู้นำ เทียบเคียงสี่เหล่าทัพ เรื่องนี้ทางฝ่ายสืบสวนถือว่าเป็นประเด็นย่อย แต่ก็ได้มีการเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 9 คนที่ตรวจพบรอยประทับฟันเฟืองยืนยันว่า ไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นระดับแกนนำแนวหน้าของขบวนการดังกล่าว ประเด็นดังกล่าวทางกองสืบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้วแต่ไม่ใช่เป็นประเด็นหลัก ส่วนกรณีที่ขบวนการดังกล่าวนำรูป นายศตวรรษ นักศึกษาร่วมสถาบันที่เสียชีวิต หลังถูกก่อเหตุยิงเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณจรัญสนิทวงศ์ และนำมาติดพร้อมนำพวงมาลัยมาคล้องคล้ายกับการเชิดชูผู้เสียชีวิตและปลุกเร้าให้ขบวนการฮึกเหิมในการแก้แค้นคู่อริ

พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัว โดยทางตำรวจไม่เคยบอกว่าผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำของกลุ่มนี้ แต่ถูกใช้มาเป็นเครื่องมือในการมาแก้แค้นคู่อริ พร้อมให้ความเป็นธรรม ซึ่งคดีดังกล่าวและคดีอื่นขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้รื้อคดีทั้งหมด ดังเช่นคดีบุกยิงกลางงานแต่งในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อช่วงเดือน ส.ค.65 เหตุยิงซอยกำนันแม้น เดือน ก.ค.65 จะถูกนำกลับมาสืบสวนใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นข้อมูลพบว่าทั้ง 3 คดีมีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากพฤติการณ์ในการก่อเหตุมีลักษณะคล้ายกัน

ส่วนเรื่องประเด็นแม่ของ 1 ผู้ต้องหา ไม่เชื่อว่าลูกชายของตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการ เพราะแค่แม่ด่าลูกยังร้องไห้แล้ว จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองว่า อยากดูพฤติกรรมของลูกอย่างละเอียดว่าลูกมีพฤติกรรมอย่างไรถึงมานั่งบนแคร่หรือเก้าอี้ไม้ และการจะถูกยกย่องเป็นถึงผู้นำในขบวนการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย แสดงว่าต้องมีพฤติกรรมที่ทำให้ขบวนการดังกล่าวยกย่องเชื่อถือได้ แต่แม่อาจจะไม่มีข้อมูล ซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใส่ร้ายใคร

สำหรับรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุที่ใช้ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด หลังเกิดเหตุได้มีการเปลี่ยนสีเพื่อตบตาตำรวจใช้ในการหลบหนียังไม่พบ แต่อยู่ระหว่างการสืบสวน

ส่วนที่เมื่อวานนี้มีเพื่อนของกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวไปเยี่ยมที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ อ้างว่าไม่ได้รู้จักกับขบวนการดังกล่าว แต่กลับให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชน มองว่า บุคคลดังกล่าวน่าจะรู้จักคนภายในและขบวนการนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นตำรวจก็จะต้องมีการเชิญมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน

พร้อมขอบคุณชายคนดังกล่าวที่ออกมาระบุว่า ขอให้ “ดูหลักฐานต่อสู้ในชั้นศาล” เป็นคำพูดในลักษณะที่คล้ายกับตำรวจไม่มีหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดขบวนการดังกล่าวได้นั้น จึงอยากบอกชายและขบวนการคนดังกล่าวว่า ตำรวจมีพยานหลักฐาน 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จะแสดงต่อศาลเอาผิดได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอใช้คำพูดน้องคนเมื่อวาน “เดี๋ยวต้องไปดูกันที่ชั้นศาล”

นอกจากนี้การติดตามจับกุม นายวิน และนายเลาะ รวมทั้งขบวนการที่เหลือ ตำรวจมีความมั่นใจว่าจะได้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผยเพราะคู่กรณีหรือกลุ่มผู้ต้องหาก็ดูความเคลื่อนไหวของตำรวจอยู่ ส่วน 84 คนรู้เบาะแสทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ใช้สัญลักษณ์เพียง “ยิ้ม” ให้กับสื่อมวลชนว่า เป็นไปในทิศทางที่ดีและจะสามารถขยายผลทำลายเครือข่ายผู้ที่ร่วมสถาปนาองค์กรอาชญากรรมทั้งหมดได้