เมื่อวันที่ 26 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.66 เฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB ได้เปิดประวัติ “พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์” หลังลาออกจากราชการตำรวจ โดย พ.ต.ท.ยิ่งยศ เป็นคนกรุงเทพฯ เรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สายศิลป์คำนวณ แต่ด้วยความอยากเป็นตำรวจ จึงลงเรียนวิชาเคมีและฟิสิกส์นอกเวลา สอบเตรียมทหารปีแรกอกหัก แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ ทำให้ พ.ต.ท.ยิ่งยศ สอบติดเตรียมทหารในที่สุด

พ.ต.ท.ยิ่งยศ จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 43 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 59 และได้รับทุนรัฐบาลไปเรียนปริญญาโท ด้านอาชญาวิทยา ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) ประเทศสหรัฐ และปริญญาเอก ด้านอาชญาวิทยา ที่มหาวิทยาลัยแซมฮูสตัน สเตท (Sam Houston State University) ที่มีศิษย์เก่า อาทิ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.

สร้างความฮือฮา จบปริญญาเอกภายใน 2 ปีครึ่ง และเป็นตำรวจไทยคนแรกที่ได้ฝึกงานที่กรมตำรวจเมืองนิวยอร์ก (New York City Police Department: NYPD)
“ช่วงปี พ.ศ.2556 ผมได้ช่วยตำรวจนิวยอร์กของหน่วยที่เรียกว่า Office of Management Analysis and Planning (OMAP) วิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมบนแผนที่ GIS เพื่อเสนอจุดติดตั้งกล้อง แก่นายกเทศมนตรีของเมืองนิวยอร์ก และผมได้มีโอกาสนำข้อมูลเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาวิเคราะห์บนแผนที่หาจุด Hotspot ของการเกิดเหตุด้วย ซึ่งผลที่ได้ค่อนข้างน่าสนใจมากๆ” พ.ต.ท.ยิ่งยศ เล่าความหลังครั้งยังทำงานที่นิวยอร์ก

พ.ต.ท.ยิ่งยศ เล่าว่า “ตลอดชีวิตการรับราชการของผม ผมเติบโต เรียนรู้ และได้รับโอกาสมากมาย จาก “พี่ก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งผมมีวันนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่ก้อง ทั้งการวางให้ดูแลภาพลักษณ์ของกองปราบปราม และตำรวจสอบสวนกลาง จนเพจมีผู้ติดตามมากมาย เป็นเพจระดับประเทศในการเตือนภัยอาชญากรรม ได้รับการยอมรับจากสังคม ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคม ซึ่งเป็นเหมือนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการตำรวจไทย”

ช่วยเหลือตัวประกันในเหตุการณ์กราดยิงโคราช  เคสประทับใจ ทำงานเคียงข้างพี่ก้อง และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมากมาย
วันที่ 8-9 ก.พ. 2563 มีเหตุการณ์กราดยิงภายในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช พี่ก้องบินด่วนไปหน้างาน และสั่งการให้ พ.ต.ท.ยิ่งยศ รวบรวมข้อมูลตัวประกันตามจุดต่างๆ ส่งให้พี่ก้อง เพื่อให้ทีมหนุมานกองปราบ เข้าทำการช่วยเหลือ 

พ.ต.ท.ยิ่งยศ ได้ร่วมทำงานกับพี่จ่า Drama Addict, หมอแล็บแพนด้า, แหม่มโพธิ์ดำ, กรมสุขภาพจิต และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมากมาย ที่ร่วมมือกันตลอดทั้งคืนนั้น ส่งข้อมูลที่ตัวประกันตามจุดต่างๆ ที่แจ้งผ่านแมสเซนเจอร์ จนนำไปสู่การช่วยเหลือตัวประกันกว่า 100 ชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจ พ.ต.ท.ยิ่งยศ เป็นที่มาของคำว่า “ทีมประเทศไทย”

ร่วมก่อตั้งโปรเจกต์ HOPE Taskforce ช่วยคนจะฆ่าตัวตายกว่า 1,000 ราย ในรอบสามปี

หลังจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช พ.ต.ท.ยิ่งยศ ได้ร่วมกับ Drama Addict, หมอแล็บแพนด้า, กรมสุขภาพจิต, ตำรวจสอบสวนกลาง และอินฟลูเอนเซอร์หลายท่าน ก่อตั้งทีม ​HOPE Taskforce ซึ่งเปรียบเสมือนความหวัง เพื่อช่วยเหลือคนที่จะฆ่าตัวตาย โดยได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มต่างประเทศทั้ง Facebook และ TikTok นำไปสู่การช่วยเหลือคนที่คิดสั้นกว่า 1,000 ราย ในรอบสามปีที่ผ่านมา 

อาจารย์ปั๊ดและอาจารย์จ๋อ ปลุกปั้นเข้าสู่วงการนักสืบ
พ.ต.ท.ยิ่งยศ เล่าว่า “แผลในใจที่ผมมีมาตลอด คือ ตำรวจส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยยอมรับตำรวจที่จบปริญญาเอก โดยเฉพาะถ้าจบจากต่างประเทศ จะถูกมองว่า ทำงานไม่เป็น ทำเป็นแต่สอนหนังสือ ซึ่ง พ.ต.ท.ยิ่งยศ พยายามลบคำดูถูกนั้น โดยได้รับโอกาสจากปรมาจารย์นักสืบ ทั้ง “อาจารย์ปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข และ “อาจารย์จ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ปลุกปั้นให้ทำงานสืบสวน”

โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ยิ่งยศ ได้พิสูจน์ตัวเองที่ “สืบนครบาล” ทำงานจนเป็นที่ประจักษ์  ได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์นักสืบทุกคน เช่น การจับกุม “ปาย-ปัด คู่แฝด ตระเวนข่มขืนเด็กมัธยมต้นพื้นที่จังหวัดราชบุรี” และคดีอื่นๆ อีกมากมาย นำไปสู่การปลุกหน่วยงานสืบสวนระดับตำนาน อย่าง “สืบนครบาล” กลับมาโลดแล่นในวงการตำรวจอีกครั้ง

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ยิ่งยศ ยังได้เรียนรู้วิชาจิตวิทยานักสืบ จาก “พี่อิท” พล.ต.อ.อิทธิพล พิริยภิญโญ ทั้งจิตวิทยาของคนร้าย และการใช้ชีวิตในวงการตำรวจ ที่คอยสั่งสอน “ตำรวจต้องมีอุดมการณ์ อย่าให้สิ่งไม่ดีมาครอบงำ ให้ตระหนักไว้เสมอว่า ทุกข์ของประชาชนคือทุกข์ของตำรวจ“

พ.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของงานตำรวจ คือ การยึดประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะการดำเนินการตามหลักการที่ว่า “ประชาชนคือตำรวจ ตำรวจคือประชาชน” มันจะช่วยเรากู้คืนศรัทธาความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อตำรวจได้ 

การตัดสินใจลาออกจากตำรวจ เพราะ อุดมการณ์, ความเชื่อ, ความฝัน และโอกาส
พ.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า “โอกาส มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับชีวิตผม เวลาที่มีโอกาสเข้ามาในชีวิต ผมจะทุ่มเท และเต็มที่ให้กับทุกๆโอกาสที่เข้ามา ซึ่ง Mindset นี้ มันได้หล่อเลี้ยงผม จนผมเป็นผมในทุกวันนี้ 

อุดมการณ์ ที่ผมมีมาตลอด คือ การทำให้สังคมไทยดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่านิยม การศึกษา สวัสดิการ การประกอบอาชีพ รวมถึง digital literacy” พ.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวอย่างมุ่งมั่น

เจ้าหน้าที่สืบนครบาลทุกคน เคารพในการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ยิ่งยศ และจะคอยเป็นกำลังใจ และร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ไปพร้อมกับ พ.ต.ท.ยิ่งยศ

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ สืบนครบาล