เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 28 พ.ย. พ.ต.ต.ไพบูลย์ โพธิ์ทอง สว.(สอบสวน) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 119/1 หมู่ 1 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 8-2-1 ถนนสายไหม ซอยสายไหม 6 แขวงและเขตสายไหม กทม. จึงรายงานให้ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ต.ทรงวิทย์ อุ่นกาศ สวป. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพล และมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในชุมชนหมู่ 1 บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ที่บริเวณพื้นหน้าบ้านพบผู้เสียชีวิต 2 ศพ นอนทับกันอยู่ โดยศพด้านบนทราบชื่อ นายสุพจน์ กาญจนกันงาม อายุ 50 ปี สภาพศพสวมเสื้อกีฬาสีกรมท่า นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกยิงขมับขวา นอนตะแคงซ้ายคว่ำหน้าทับศพ นางสมลักษณ์ อัมรามร อายุ 61 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีชมพูลายขวาง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ถูกยิงที่กลางศีรษะ นอนหงายจมกองเลือด ใกล้กันพบอาวุธปืนสั้น ยี่ห้อรีวอลโว่ ขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก

จากการสอบถามนางจุ๋ม อายุ 61 ปี พี่สะใภ้ผู้ตายและผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า นายสุพจน์ ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกองทัพอากาศ ส่วนนางสมลักษณ์ ภรรยาเคยทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ปลดเกษียณแล้ว ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ทั้งคู่ได้มาด้วยกันที่บ้าน เพื่อมาโอนรถ เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูบ้าน จุดเกิดเหตุ ขณะนั้นตนนั่งอยู่บริเวณม้าหิน และทั้งคู่ได้เดินเข้าไปพูดคุยกันภายในบ้าน โดยการพูดคุยปกติ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งของว่าอยากได้อะไรก็เอาไป จากนั้นทางฝ่ายหญิงได้เดินออกมา พร้อมกับถือปากกาออกมาเพื่อจะเซ็นโอนรถ จากนั้นตนไม่ทันได้สังเกต แต่เห็นฝ่ายชายเดินอ้อมมา ยืนดูเอกสารการโอนรถ แต่ยังไม่ได้เซ็น จากนั้นฝ่ายชายได้ชักปืนยิงฝ่ายหญิง และหันมามองหน้าตนและยกมือไหว้ตน พร้อมกับกล่าวว่า “พี่จุ๋มผมขอโทษนะ ผมรักแอ๋วมาก” จากนั้น เห็นฝ่ายชายใช้อาวุธปืนจ่อหัวตัวเอง ตนจึงวิ่งออกไปบ้านน้องชาย

นางจุ๋ม กล่าวต่อว่า สำหรับการเลิกรากัน ไม่ได้มีการทะเลาะ แต่จากกันด้วยดี ส่วนประเด็นที่มีการจับได้ว่าฝ่ายชายมีหญิงอื่น ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่าฝ่ายหญิงไม่เอาฝ่ายชายเพราะรับไม่ได้ เพิ่งขอเลิกแต่ฝ่ายชายไม่ยอม เหตุการณ์นี้ผ่านมาเพียง 1 อาทิตย์ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงมานอนบ้านตน ก่อนที่ฝ่ายชายจะโทรฯ นัดให้มาที่บ้านจุดเกิดเหตุ โดยฝ่ายชายอ้างว่าไหนๆ ก็ให้ทรัพย์สินมาแล้วก็มาทำเรื่องโอนให้เรียบร้อย วันหลังจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีก ก่อนจะเกิดเหตุ ตนได้เตือนฝ่ายหญิงว่าไม่ให้ไป เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธว่าจะไป อ้างว่าไม่มีอะไรหรอก จนกระทั่งมาเกิดเหตุ แต่ดีที่ฝ่ายชายไม่ยิงตนไปด้วย

นางจุ๋ม กล่าวอีกว่า โดยปกติผู้ก่อเหตุรักฝ่ายหญิงมาก แต่เรื่องเจ้าชู้นั้น ตนไม่ทราบเพราะอยู่คนละที่กัน แต่เมื่อคืนตนเห็นว่าน้องสาวไม่ปลอดภัย พี่ชายของฝ่ายหญิงจึงจะรับไปอยู่ด้วย เนื่องจากเห็นฝ่ายชายมีอาวุธปืน เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมา ฝ่ายชายมีการโพสต์รูปภาพอาวุธปืนลงเฟซบุ๊ก โดยฝ่ายหญิงเป็นคนนิสัยดีมาก พูดจาดี ซึ่งครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ ทางฝ่ายหญิงยังบอกฝ่ายชายด้วยว่า อยากได้อะไรก็เอาไป แต่ฝ่ายชายขอที่นอนปิกนิก ฝ่ายหญิงก็บอกว่าให้เอาไปเถอะ

ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ สองสิงห์ ผกก.สน.สายไหม กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดมีญาติอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย มีพยานหลักฐานยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากนายสุพจน์ เป็นผู้ก่อเหตุยิงฝ่ายหญิงเสียชีวิต จากนั้นใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองตายตาม คดีนี้ผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิต ทำให้คดีอาญาสิ้นสุด อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบเป็นปืนผิดกฎหมายไม่มีทะเบียน อย่างไรก็ตาม ได้ให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และส่งศพผู้เสียชีวิตทั้งสองคนส่งนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพล ชันสูตรพลิกศพตามกฎหมายต่อไป.