เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. จากกรณีนายวิริยา คัดชาน อายุ 45 ปี นางสาวนุชรินทร์ คัดชาน อายุ 23 ปี สองพ่อลูก และหลานชายหญิงอีก 3 คน อายุ 14 ปี 11 ขวบ และ 8 ขวบ รวมทั้งหมด 5 คน ออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนเช้าวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปเอาทรายที่แม่น้ำมูลเพื่อเอามาปูกระเบื้องที่บ้านแล้วหายตัวไป กระทั่งมาพบกลายเป็นศพอยู่ในแม่น้ำมูลซึ่งมีลักษณะเป็นกุด (ภาษาอีสาน หมายถึง หนองน้ำที่กว้างและยาว ต่อมาตื้นเขินขาดเป็นช่วงๆ ห้วงที่ขาดน้ำ) กู้ภัยวังกรูด อ.สตึก ใช้เวลานานกว่า 3 ชม. จนถึง 23.00 น. จึงสามารถกู้ทั้ง 5 ศพขึ้นมาได้
นายประมวล ชุมทอง อายุ 62 ปี เล่าว่า ตอนสายๆ วานนี้เห็นกลุ่มนี้ขับรถอีแต๊กมาด้วยกัน 4 คน คาดว่ามาเอาทราย ต่อมามีวัยรุ่นหญิงขี่รถจักรยานยนต์มาสมทบอีก 1 คน รวมเป็น 5 คน ตนไม่ได้สนใจเพราะปกติจะมีชาวบ้านมาเอาทรายเป็นประจำ ตอนประมาณเที่ยงวันได้มีการขับรถอีแต๊กขึ้นจากบ่อทราย เอามาจอดในท่าเตรียมขับกลับบ้าน และยังเห็นกลุ่มนี้กำลังจะลงน้ำอยู่บริเวณนั้น หลังจากนั้นไม่เห็นใครเลย พอตกเย็นก็ยังอยู่ ทุกอย่างอยู่สภาพเดิมคือไม่มีการเคลื่อนไหว และไม่พบมีใครอยู่ บริเวณดังกล่าวเป็นเหมือนทรายหลวม บางจุดเวลาเหยียบลงไปจะหลวมเหมือนดูด แต่จะเปลี่ยนจุดไปเรื่อยๆ แล้วแต่ทิศทางของน้ำว่าจะหมุนไปทางไหน ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะมีใครคนใดคนหนึ่งโดนทรายดูด แล้วแต่ละคนเข้าไปช่วยแล้วถูกดูดไปทั้งหมด
เศร้าสลด! พ่อพาลูกหลานขุดทรายกลางน้ำมูล ก่อนถูกดูดจมทั้งเป็นสังเวยสยอง 5 ศพ
ด้านนางสุดสงวน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า เคยมีแม่พาลูกมาเล่นน้ำแล้วจมหายบริเวณนั้น 3 คนพร้อมๆ กัน ต่อมาประมาณ 2 ปี ระหว่างมีการสร้างสะพานเชื่อมจังหวัดบุรีรัมย์กับสุรินทร์ จุดนี้ คนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่จมน้ำในลักษณะเดียวกันตาย 4 คนพร้อมกัน และมาครั้งนี้มาตายอีก 5 ศพ ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นกุดน้ำอาถรรพณ์ เพราะทุกครั้งจะตายหมู่ทั้งหมด และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ช่วงนี้น้ำไม่ลึก โดยเฉพาะทรายมีลักษณะดูดคน เคยมีคนเอาช้างมาเลี้ยงจุดนี้ คนเลี้ยงช้างบอกว่าช้างเกือบเอาตัวไม่รอดเพราะทรายดูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในงานศพที่ญาตินำมาตั้งบำเพ็ญไว้ที่สำนักสงฆ์ บูรพาราม หมู่ 2 บ้านกระสังใต้ ต.กระสัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านมาให้กำลังใจญาติไม่ขาดสาย โดยจะมีการฌาปนกิจศพพร้อมกันในวันที่ 17 ธ.ค. พ่อจะเผาในเมรุ ส่วนลูกและหลานจะเผาแบบเชิงตะกอน
