เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี  ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายไพศาล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน (นางอุไรวรรณ เทียนทอง)  ว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และอยากขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าว หลังจากตนเอง ได้นำโฉนดบ้านและที่ดิน 418 ตารางวา ไปจำนองกับบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ เมื่อปี 48 เป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท และผ่อนชำระใช้หนี้เรื่อยมา จนยอดเหลืออยู่ที่ 23.3 ล้านบาท หลังจากนั้นตนได้ประกาศขายบ้าน ในราคา 35 ล้านบาท โดยต้องเสียค่านายหน้า กว่า 1.3 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แนะนำคนมาซื้อบ้านตน และทางผู้ซื้อได้มัดจำเงินมาให้กับตนเองแล้วจำนวนเงิน 2 ล้านบาท โดยนัดทำสัญญาโอนกันในวันที่ 25 ธันวาคม 66

ต่อมาทางตนเองได้ติดต่อไปที่ธนาคาร เพื่อขอไถ่ถอนโฉนดบ้านและที่ดินคืน ทางธนาคารแจ้งว่าต้องวางเงินจำนวน 1.3 ล้านบาทมาที่ธนาคารก่อน ตนจึงได้นำเงินมัดจำในการไถ่ถอนไปวางไว้ให้ตามที่ธนาคารแจ้งมา ส่วนที่เหลืออีก 22 ล้านบาท ได้เตรียมเงินไว้แล้วเพื่อที่จะจ่ายให้ธนาคาร เมื่อสอบถามโฉนดที่ตนเองจำนองไว้ และขอดูธนาคารกลับแจ้งว่าโฉนดบ้านและที่ดินตนเองหายไปตั้งแต่ปี 64 แล้ว และบอกให้ตนเองไปคัดสำเนาใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างเร็ว 30 วัน อย่างช้า 60 วัน และต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่หลายหมื่นบาท โดยธนาคารปฏิเสธความรับผิดชอบ บอกได้เพียงคำเดียวว่า “ขอโทษ” ตนถึงกับช็อกในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่าธนาคารทำแบบนี้กับลูกค้าได้อย่างไร

ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่สามารถขายบ้านที่ผู้ซื้อมัดจำไว้ 2 ล้านบาท แถมทางคนซื้อก็จะปรับที่ตนผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเงินอีก 2 ล้านบาท เพราะทางผู้ซื้อเองเขาก็เดือดร้อน เพราะต้องไปกู้เงินเสียดอกมาซื้อบ้านตนเองในราคา 35 ล้านบาท  อีกทั้งตนยังจะต้องควักกระเป๋าเสียค่านายหน้าให้กับผู้ที่แนะคนมาซื้อบ้านอีก เป็นเงินล้านกว่าบาท ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ลูกสาวตนเองได้วางมัดจำจำนวน 500,000 บาทเพื่อที่จะไปซื้อหมู่บ้านอีกแห่งในราคา 15 ล้านบาท โดยต้องใช้เงินจากการขายบ้านหลังนี้ของตนเอง เมื่อมาเจอปัญหาแบบนี้ทำให้เงินมัดจำจำนวน 500,000 บาทของลูกสาวก็ต้องถูกริบไป

“อยากฝากถึงธนาคารว่าคุณเป็นถึงธนาคารมีชื่อเสียง มีระบบรักษาความปลอดภัยใหญ่โต แต่กลับปล่อยให้โฉนดบ้านและที่ดินของตนหาย โดยไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เรื่องนี้คุณควรมีคำตอบให้กับเรา ไม่ใช่บอกได้แค่เพียงคำเดียวว่าขอโทษ จนเสียหายทุกอย่าง ไม่ว่าจะโดนทั้งค่านายหน้า ค่าผิดสัญญาผู้ที่จะมาซื้อบ้าน รวมทั้งเงินของลูกสาวที่วางมัดจำแล้วถูกริบไป อยากให้ธนาคารออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย” นายไพศาล กล่าว