จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ดำเนินคดีพิเศษที่ 59/2566 ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ สามารถจับกุมและแจ้งความเอาผิดผู้ต้องหาได้แล้วหลายราย ได้แก่ กลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชน 12 ราย กลุ่มนายทุน 2 ราย กลุ่มบริษัทห้องเย็น 2 แห่ง และได้ขยายผลสืบสวนสอบสวน เตรียมรับขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่กลุ่มใหม่ เป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ หลังพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง เข้ามาพัวพันกับการลักลอบนำเข้าตู้หมูเถื่อนในช่วงปี 2564 จำนวนกว่า 10,000 ตู้ เงินหมุนเวียนมากกว่า 7,000 ล้านบาท รวมถึงยังขยายผลพบว่ามี 3 บริษัทชิปปิ้งเอกชนใช้บริการเอเย่นต์ในการอำพรางเส้นทางการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีในอัตราที่ควรจะเป็น ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าชุดสอบสวนคดีหมูเถื่อน กล่าวถึงความคืบหน้าการทำคดี ว่า ก่อนเทศกาลปีใหม่ ดีเอสไอเตรียมเปิดปฏิบัติการตรวจค้นห้องเย็นครั้งใหญ่ จำนวนพื้นที่เป้าหมาย 2 จุดในต่างจังหวัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษใน 9 เลขคดีที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการขยายผล อีกทั้งห้องเย็นทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นเครือข่ายใหม่ที่ไม่เคยปรากฏชื่อในสำนวนมาก่อน และมีความเกี่ยวข้องสำคัญกับขบวนการองค์กรอาชญากรรมกลุ่มใหม่ขนาดใหญ่ ที่พัวพันกับการลักลอบนำเข้าตู้หมูเถื่อนกว่า 10,000 ตู้ในห้วงปี 2564 อย่างไรก็ตาม แม้ตู้หมูของกลางจะถูกกระจายจัดจำหน่ายไปหมดแล้ว แต่ดีเอสไอจะตรวจค้นเพื่อยึดวัตถุพยานเอกสาร ส่วนสาเหตุที่ทำให้พนักงานสอบสวนขยายผลจนเจอ 2 ห้องเย็นนี้ เนื่องมาจากพบพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมีผู้ต้องหาในคดีของดีเอสไอ ได้โอนเงินไปยังเจ้าของห้องเย็น โดยที่ไม่มีหลักฐานการทำนิติกรรมร่วมกันมาก่อน คล้ายลักษณะของกรณีห้องเย็นในจังหวัดนครปฐม

ส่วนกรณีสำนวนคดีหมูเถื่อนอีก 2 สำนวนที่เตรียมส่งให้ ป.ป.ช ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ใน 2 สำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐจาก 2 หน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง และในช่วงสองสัปดาห์ คณะพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำพยานทั้งหมดที่รับรู้ถึงพฤติการณ์การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้ โดยพยานที่เราจะสอบปากคำมีทั้งพยานที่เป็นบริษัทชิปปิ้งเอกชนและพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเองด้วย

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีกลุ่มนายทุนหมูเถื่อน 161 ตู้ นอกเหนือจากการจับกุมสองพ่อลูก นายวิรัชและนายธนกฤต ภูริฉัตร คณะพนักงานสอบสวนยังได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด อีก 1 ราย ซึ่งขอสงวนชื่อและนามสกุลไว้ก่อน โดยได้รับการประสานมาว่าเจ้าตัวประสงค์เข้าพบพนักงานสอบสวนและให้ปากคำในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ส่วนพฤติการณ์จากรายงานการสืบสวนพบว่ากรรมการรายนี้เกี่ยวข้องกับตู้หมูเถื่อน 1 ตู้ โดยมีหน้าที่เป็นบริษัทชิปปิ้งเอกชน สั่งซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งเข้าไทย เบื้องต้นจะมีความผิด ฐานร่วมกันโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 และนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวปิดท้ายว่า หลังจากเทศกาลปีใหม่ 2566 เมื่อคณะพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์การทุจริตของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นคณะพนักงานสอบสวนจะเดินหน้าตรวจสอบหน่วยงานอีก 1 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งเช่นเดียวกัน และยังเกี่ยวข้องกับขบวนการองค์กรอาชญากรรมกลุ่มใหม่ขนาดใหญ่ ซึ่งพัวพันกับการลักลอบนำเข้าตู้หมูเถื่อนกว่า 10,000 ตู้ ในห้วงปี 2564