จากกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาคดี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ โดยศาลพิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี พร้อมชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง ส่วน น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น ให้ยกฟ้อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ศาลมุกดาหารสั่งจำคุก ‘ลุงพล’ 20 ปี ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง

เกี่ยวกับเรื่อง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า จากคำตัดสินของศาลก็พอใจแล้วรู้สึกตื้นตันใจ ขอขอบคุณศาลจังหวัดมุกดาหาร ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และขอบคุณตำรวจ แต่ในส่วนของคดีที่จะมีการอุทธรณ์เพิ่มโทษอย่างไรนั้น อันนี้เอาไว้ทีหลังขอปรึกษากันก่อน

ด้านนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความแม่น้องชมพู่  เปิดเผยว่า  ในส่วนของจำเลยที่ 1 ได้ลงโทษไป 2 ข้อหา จำคุกรวม 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้อง อย่างไรก็ตามมีหลักฐานบางส่วนที่เรามองตามข้อเท็จจริง ถ้าตามความเป็นจริงเด็กอยู่บ้าน ไปถึงบนเขา 1.2 กม. หากเราอุ้มเด็ก หรือเราสัมผัสเด็ก ทั้งลมหายใจ และการเต้นของหัวใจ เชื่อว่าทุกคนจะรู้ว่าเด็กมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมีของเด็กเล่นไปตกอยู่บนเขาด้วย เราเชื่อว่ามีคนที่เอาเด็กไป และมีคนหยิบของเล่นเด็กไปด้วย นี่คือที่เรามองแตกต่างและจะใช้สิทธิตรงนี้ยื่นอุทธรณ์ต่อไป รวมทั้งจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเราก็เชื่อว่ามีการนำเด็กไปปล่อยโดยเจตนา 

เรามองว่าพยานหลักฐานที่เรานำสืบมามีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำนิจฉัยได้ และคงใช้สิทธิอุธรณ์ต่อไป ส่วนจะประเด็นไหนเดี๋ยวว่ากันอีกที คดีนี้แม้ว่าจะไม่มีประจักษ์พยานก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลงโทษได้ เพราะอาชญากรจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ คดีนี้จริงก็ยาก แต่ความร่วมมือทุกฝ่ายพยายามค้นหาความจริง เราจึงต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ และบุคคลพยานแวดล้อมต่างๆ.