เมื่อช่วงเย็น วันที่ 23 ธ.ค.นางชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จาก มูลนิธิเป็นหนึ่ง และ นางนัทธมน กิจดำรงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี เดินทางไปยังบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับการประสานจาก นายท็อป ( นามสมมุติ ) อายุ 28 ปี ว่า อดีตแฟนสาว โพสต์คลิป บีบคอ ตี ลูกสาว วัย 6 เดือน ลงเฟซบุ๊ก เพราะโกรธแค้นที่เลิกลา ไปมีแฟนใหม่ แล้วใช้อารมณ์ไปลงกับลูกสาวด้วยการทำร้ายดังกล่าว

นายท็อป เล่าว่า แอบคบหากับ น.ส.โบว์ ( นามสมมุติ ) อายุ 25 ปี มาเป็นเวลา 4 ปี และเพิ่งเลิกลากัน เมื่อ เดือนกันยายน ปี 65 หลังจากเลิกลากันได้ 2 เดือน ก็มาทราบว่า น.ส.โบว์ ตั้งท้อง พร้อมยืนยันว่า เด็กในท้องคือลูกของตน ซึ่งก่อนจะมีการฝากครรภ์ ทางโรงพยาบาลได้นัดไปตรวจเลือดทั้งพ่อและแม่ ซึ่งตนก็เดินทางไปตรวจเลือดตามปกติ แต่ถึงวันฝากครรภ์ น.ส.โบว์ ขอเอกสารสำคัญตน 6 ใบ ซึ่งก็ไม่กล้าให้ จากนั้นก็ขาดการติดต่อกัน กระทั่ง อดีตแฟนคลอดลูก พอตนทราบข่าว จึงพยายามติดต่อขอเห็นหน้าลูก พร้อมทั้ง จะไปเซ็นรับรองบุตร ในสูติบัตร แต่ปรากฏว่า ใบในสูติบัตรกับไม่มีชื่อของตน ทำให้คิดว่า อดีตแฟนคงไม่อยากให้ตนไปยุ่งเกี่ยวกับลูก

จนเวลาผ่านไม่นานได้รับการติดต่อจากอดีตแฟน พร้อมกับข้อความว่า ขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอ และ ขอเงินค่าเลี้ยงดูลูก เพื่อจะได้เซ็นรับรองบุตร ซึ่งขณะนั้น ยอมรับว่าตนไม่มีเงินไปตรวจ จึงไม่รู้จะทำวิธีไหน ประกอบ อดีตแฟน กับ แฟนใหม่ เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ทำให้เรื่องราวเกิดบานปลาย ถึงขั้นต้องเลิกลากับแฟนใหม่ จากนั้นอดีตแฟน เริ่มส่งข้อความแชตขู่จะฆ่าลูก อ้างว่าไม่อยากเลี้ยง เลี้ยงยาก ต่างๆนาๆ แถมยังส่งคลิปตีหลังลูกมาขู่ หนักสุด เมื่อคืน( 22 ธ.ค.) อดีตแฟน ไปโพสต์คลิป บีบคอลูกสาว ลงเฟซบุ๊ก ตนจึงตัดสินใจส่งเรื่องราวร้องทุกข์ไปยังมูลนิธิเป็นหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือลูกสาว ออกมาจากบ้านอดีตแฟน และตนพร้อมที่จะรับเลี้ยงลูกสาวตนเอง

ขณะที่ นางชลิดา และ นางนัทธมน เดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่า น.ส.โบว์ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กับ นายท็อป ก็เกิดอาการคล้ายคนสติแตก พูดจาไม่รู้เรื่อง พร้อมทั้งดึงมือเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยภายในห้องนอน ก่อนจะยอมรับว่าลงมือทำร้ายลูกสาวจริง เหตุเพราะโกรธแค้นพ่อของลูก ที่ทิ้งไปมีแฟนใหม่ ไม่สนใจใยดี ประกอบกับไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงิน จนต้องไปยืมเงินเพื่อนมาซื้อนมให้ลูก เกิดอาการเครียด เลยไปลงกับลูก ด้วยวิธีดังกล่าว และ ไม่อยากจะเลี้ยงลูกคนนี้แล้ว โดย นางชลิดา และ เจ้าหน้าที่ พม. มีการพูดคุยกับ น.ส.โบว์ นานเกือบ 1 ชม. สุดท้ายเริ่มใจเย็นลงและรับปากจะไม่ทำแบบนี้กับลูกอีก พร้อมทั้งยืนยันว่า อยากให้พ่อของลูกมารับผิดชอบช่วยเหลือ ส่งเงินให้เดือนละ 5,000 บาท ส่วนผู้เป็นพ่อได้เห็นหน้าและอุ้มลูกสาวเป็นครั่งแรก ก็ถึงน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งรับปากจะช่วยส่งเงินให้ลูกเดือนละ 2,000 บาทก่อน แต่ถ้ามีมากกว่านั้น ก็จะส่งให้เรื่อยๆ

น.ส.บี ( นามสมมุติ ) อายุ 49 ปี แม่ของ น.ส.โบว์ เมื่อเห็นคลิปว่าหลานสาวถูกแม่บีบคอทุบตี ก็ถึงกับตกใจ พร้อมกับรับปากว่าจากนี้ไปจะดูแลหลานเป็นอย่างดี จะไม่ให้คาดสายตา และขอร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่นำหลานไปดูแล โดยยอมรับว่าลูกสาวหลังจากคลอด ก็มีอาการเครียด ทั้งในเรื่องของพ่อของลูก เรื่องไม่มีงานทำ และไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งก็รู้สึกเสียใจที่หลานต้องมาตกเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ของผู้เป็นแม่

นางชลิดา เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องราวใช้ความรุนแรงกับเด็กที่ไร้เดียงสา จึงมีการประสานกับ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี เข้ามาทำการช่วยเหลือ ซึ่งเคสนี้ เบื้องต้น ครอบครัวของทางฝ่ายหญิง รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จึงอยากฝากไปถึงทุกครอบครัวว่า ในประเทศไทยมีเคสลักษณะนี้เกิดขึ้นเยอะมาก ซึ่งเป็นพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทำร้ายเด็ก เพื่อประชดประชันกัน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก ผู้ใหญ่ที่ เลิกลากันไป แล้วเอาอารมณ์โกรธเกลียดมาลงกับลูก เพื่อเรียกร้องความสนใจ สุดท้ายแล้วเด็ก ก็ต้องตกเป็นเครื่องมือของอารมณ์ผู้ใหญ่ที่ทะเลาะวิวาทกันเอง จึงฝากถึงพ่อและแม่ ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว อีก ขอให้ทำหน้าที่พ่อและแม่ดีกว่า อย่าประชดประชัน ด้วยการนำเด็กมาทำร้ายร่างกาย