เมื่อวัน 26 ธ.ค.พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท พล.ต.ต..จิตติพนธ์ ผลพฤกษาผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ ,พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4, สั่งการให้พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 นำกำลังน.ส.พัชรินทร (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่114/2566 ลงวันที่ 13 มกราคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน ”โดยจับกุมได้ที่บริเวณ แมนชั่นรามอินทรา ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายเป็นนักธุรกิจถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวงว่า เป็นพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง หลอกว่ามีพัสดุผิดกฎหมายส่งจากต่างประเทศ ระบุชื่อที่พัสดุเป็นชื่อนามสกุลผู้เสียหายและมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานฟอกเงิน หลอกให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบ จึงหลงเชื่อโอนเงินไปกว่า 42 ล้านบาท ภายหลังทราบว่าถูกหลอกลวงจึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ต่อมาได้ทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงทางคดี จนนำมาสู่การจับกุม

พ.ต.อ.คมสัน กล่าวว่า สอบสวนให้การว่าได้หางานผ่านเฟซบุ๊ก พบว่ามีรับสมัครงานเป็นแอดมินเว็บออนไลน์ จึงติดต่อไปและได้เดินทางไปทำงานที่ปอยเปตประเทศกัมพูชา เมื่อไปถึงพบว่า เป็นออฟฟิศรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีนายทุนเป็นคนไต้หวัน โดยให้ทำหน้าที่โทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อ เป็นสายที่ 1 ปลอมเป็นพนักงานบริษัทขนส่งเอกชน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะกดต่อสายส่งไปที่สคริปคนต่อไป เป็นสายที่ 2 สายที่ 3 จนถึงขั้นตอนที่ผู้เสียหายโอนเงิน ในการทำงานนั้นมีค่าจ้าง เงินเดือนๆ ละ 20,000 บาท โดยทำงานได้ประมาณ 2 เดือนแต่ไม่เคยได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด โดยหัวหน้าแก๊งอ้างว่าต้องถูกหักเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงไม่อยากทำงานนี้ต่อ แต่ไม่สามารถลาออกได้ตามปกติ จะต้องจ่ายเงินให้แก๊ง จึงขอเงินจากทางบ้านเพื่อนำไปไถ่ตัวเองกลับมาจนถูกจับกุมดังกล่าว