ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยังทีมประชาสัมพันธ์ กลุ่มเซ็นทรัล กรณีที่ ซิกนา โฮลดิ้ง หนึ่งในหุ้นส่วนของห้างเซลฟริดเจส (Selfridges) ในประเทศอังกฤษ ได้ออกมาประกาศยื่นล้มละลาย จนทำให้ต้องยื่นขอปรับโครงสร้างกิจการ ที่มีหนี้ทั้งหมดราว 5,000 ล้านยูโร ว่าขณะนี้ทางทีมงานยังไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จะเปิดเผยออกมา ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะมีการแจ้งทันที

“สำหรับห้างเซลฟริดเจส เป็นการร่วมทุนระหว่างเซ็นทรัลกับซิกนา กลุ่มทุนออสเตรเลีย ตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นในชื่อ แคมบริดจ์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง ซึ่งมาภาระในด้านการบริหารหนี้สิน การบริหารทุน เพื่อให้เพียงพอต่อการบริหารเซลฟริดเจส แต่ในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา ซิกนา มีการยื่นแผนขอฟื้นฟูกิจการทำให้สถานะของซิกนามีความเสี่ยง เพราะยังต้องมีการใช้ทุนร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล“

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทั้งกลุ่มเซ็นทรัลและซิกนา ถือหุ้นในสัดส่วน 50% เท่ากัน จากมูลค่าการเข้าซื้อห้างดังกล่าวช่วงต้นปี 65 ด้วยเงิน 180,000 ล้านบาท โดยใช้บริษัท เซ็นทรัลดีพาร์ทเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของซีอาร์ซี เข้าไปดำเนินการ และมีการใช้เงินกู้จากธนาคารกรุงเทพ ประมาณ 73,610 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี และมีส่วนเพิ่มเติมที่เรียกว่า อีเอฟจี แบงก์ อีกประมาณ 5,200 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ชุดนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพ ในเดือน ส.ค. 67 ประมาณ 2,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการร่วมลงทุนครั้งนี้ ผู้ร่วมทุนได้ยื่นฟื้นฟูกิจการและส่อเค้าว่าจะล้มละลาย ทำให้ภาระทั้งหมดตกมาอยู่ที่กลุ่มเซ็นทรัลเพียงผู้เดียว ฉะนั้นทางกลุ่มเซ็นทรัลจะดำเนินการอย่างไร หรือมีการหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่หรือไม่ จะต้องจับตากันต่อไป

ขณะทึ่ นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ซีอาร์จี กล่าวว่า จากกรณีตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลผู้ถือหุ้นใหญ่ของซีอาร์ซี ในห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส นั้น

บริษัท ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มเซ็นทรัล และพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลเรื่องการลงทุนในห้างเซลฟริดเจส แต่อย่างใด 

ทั้งนี้ บริษัทมีหลักการในการพิจารณาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจบน 3 แกนสำคัญคือ ความเหมาะสมทางด้านกลยุทธ์ และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ราคาที่เหมาะสม และจังหวะเวลาที่สมควรรวมทั้งธุรกิจนั้นต้องสร้างประโยชน์ต่อบริษัท และหากบริษัทตัดสินใจที่จะลงทุนในกิจการใดๆ บริษัทจะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน และกฎเกณฑ์ระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงสิทธิ และประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกราย

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ล่าสุดช่วงปิดตลาดภาคเช้าของ วันที่ 5 ม.ค. 67 หุ้นบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล อย่าง ซีอาร์ซี อยู่ที่หุ้นละ 39.25 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และซีพีเอ็น อยู่ที่หุ้นละ 66.75 บาท ลดลง 1.25 บาท