จากกรณี นายประธาน สีหามาตย์ อายุ 35 ปี ชาวอ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น นักร้องหมอลำประยุกต์ ฉายา “สายธารน้อยดาวเหนือ” และเป็นหัวหน้าวง หมอลำน้องใหม่ ซึ่งตั้งวงได้ประมาณ 6 เดือน ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 คน เข้าทำร้ายร่างกายภายในบ้านพักจนเบ้าตาแตก ได้รับบาดเจ็บนอนสลบอยู่หลังบ้าน ก่อนที่ญาติจะช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุด แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่จุดเกิดเหตุบ้านของ นายประธาน ผู้ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ โดยมีญาติพี่น้อง และชาวบ้านเข้ามาถามไถ่อาการ และพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะหลายคนยังหวาดกลัวว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจะย้อนกลับมาทำร้ายใครอีกหรือไม่ โดย นายบัญญัติ อ่อนบึง อายุ 57 ปี น้าชายของคนเจ็บ ซึ่งมีบ้านอยู่ข้างกันภายในรั้วเดียวกัน เป็นคนเข้ามาช่วยหลานจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถกระบะสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับหนีออกจากหมู่บ้านไป

ทั้งนี้ นายบัญญัติ เปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นกระต๊อบน้อยมุงด้วยหญ้าคา ตั้งอยู่บริเวณหลังบ้าน ซึ่งทำเป็นแปลงปลูกพืชผักสวนครัว โดยคนร้ายได้มีการรุมทำร้ายตั้งแต่บนกระต๊อบ ไปถึงสวนหลังบ้านก่อนที่ตนจะได้ยินเสียงหลานชายตะโกนร้องให้ช่วย ซึ่งออกมาก็พบว่าหลานกำลังโดนรุมทำร้าย จึงตะโกนออกไปว่าใครทำร้ายกัน ทำร้ายกันทำไม ทำให้คนร้ายเป็นชายทั้ง 3 คน ตกใจเสียงและรีบพากันวิ่งขึ้นรถกระบะสีขาว ไม่ติดป้ายทะเบียนหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปทางทิศตะวันตก

ขณะที่ นายประธาน กล่าวว่า การถูกรุมทำร้าย ไม่ใช่เรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน เพราะเพิ่งทำวงหมอลำและทำการแสดงได้ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ส่วนตัวไม่มีแฟน แฟนคลับแม่ยกก็ยังมีไม่มาก จึงไม่คิดว่าจะมีเรื่องลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น อีกทั้งโดยส่วนตัวก็จะไม่เล่นกับแฟนคลับหน้าเวทีในเชิงชู้สาว และจะพยายามเลี่ยงตลอดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้น

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุ และไม่มีใครให้สงสัย เพราะไม่มีเรื่องกับใคร แต่เชื่อว่าเป็นการจ้างวานให้มาทำร้ายตนเอง เพราะทั้ง 3 คน ที่เข้ามาแบ่งหน้าที่กันชัดเจน คนหนึ่งล็อค คนหนึ่งทำร้าย และอีกคนถ่ายคลิป โดยทั้ง 3 คนสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ เหมือนกันทั้ง 3 คน โดยมีชาย 2 คนเช้ามาก่อน คนหนึ่งจะสอบถามเกี่ยวกับจ้างงานหมอลำ โดยคนนี้อายุประมาณ 30-35 ปี ตัวเท่า ๆ กับตนเอง สูงประมาณ 170 ซม. ผิวดำแดง เป็นคนล็อคคอตนเอง อีกคนสูงประมาณ 180 ซม. ตัวใหญ่ คนนี้ไม่พูดสักคำ แต่เป็นคนใช้ไม้และค้อนทุบทำร้ายตนเองจนเบ้าตาแตกและตกจากกระต๊อบน้อย

หลังจากที่อีกคน สูงประมาณไม่เกิน 165 ซม. ตัวเล็ก เดินเข้ามาถ่ายคลิปเอาไว้ โดยคนแรกที่มาสอบถามนั้นเดินมาข้าง ๆ ตนเอง พูดจายิ้มแย้ม พูดคุยกันประมาณ 5 นาทีชายคนแรกก็เข้ามาล็อคคอแล้วบอกให้อยู่เฉย ๆ ตนเองจึงคิดว่าโดนปล้นแน่ๆ จึงผลักและต่อยไปก่อน อีกคนที่ตัวใหญ่ที่ไม่ได้พูดอะไร ใช้ค้อนทุบแถวคอจนตนเองตกลงพื้น อีกคนก็เข้ามาล็อคคอและบอกให้ตนเองเงยหน้า ตนเองก็พยามหันหน้าหนี ถูกไม้ตีที่ช่วงใกล้หางตา ทำให้เบ้าตาแตก และเริ่มมืดลง”

นายประธาน กล่าวต่ออีกว่า พยายามคลานหนีและตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งคนที่ตัวเล็ก ถ่ายคลิปเอาไว้ตลอดเวลา พอตนเองเริ่มไม่ไหว จึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนเรียกน้าและฉีกเสื้อจนหลุดออกมาได้ วิ่งไปที่ทางหลังบ้านน้าชาย เป็นจังหวะที่น้าชายออกมาพอดีทำให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 รีบหลบหนีขึ้นรถกระบะออกจากหมู่บ้านไป หากน้าชายไม่ได้ออกมาช่วยตนเองก็คงจะถูกทำร้ายจนหน้าเละกว่านี้ หลังจากคนที่ทำร้ายยตนเองหลบหนีไปแล้ว ตนเองจึงออกมาและสลบกับพื้น ก่อนที่ญาติๆจะพาส่งโรงพาบาลและมีตำรวจมาสอบปากคำที่ห้องฉุกเฉิน และให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้

ตอนนี้ตนเองไม่สามารถทำการแสดงได้อีกนาน งานที่รับไว้ 4 งาน รวมเป็นเงินกว่า 200,000 บาท ก็ไม่สามารถรับได้ทำให้เสียรายได้ส่วนนี้ไป และการกระทำดังกล่าวลักษณะจงใจทำร้ายทุบตีที่หน้าเท่านั้น และมีการถ่ายคลิปเอาไว้เหมือนตั้งใจถ่ายเพื่อส่งงานให้คนจ้างวาน ส่วนตัวเป็นหมอลำน้องใหม่ ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่แม่ยกหรือแฟนคลับส่วนตัวก็ไม่มีเรื่องบาดหมางใจกับใครเลย อยากให้ตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และชดใช้เรื่องการเสียรายได้ส่วนนี้ไปให้กับตนเองด้วย

ขณะที่ พ.ต.อ.ธีร์ธัช พงษ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.หนองสองห้อง กล่าวว่า ได้ตั้งประเด็นไว้ 2 เรื่อง และยังไม่ตัดประเด็นอื่น ๆ ทิ้ง ซึ่งผู้เสียหายให้การว่า มีโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรหาจะติดต่อจ้างงานหมอลำจากผู้บาดเจ็บ และอีกประเด็นเป็นเรื่องของแฟนเก่า เป็นหญิงชาว จ.หนองบัวลำภู ไปทำงานที่ร้านนวดแผนโบราณในประเทศเกาหลีเมื่อปี 2563 ส่วนฝ่ายชายไปเจอกับฝ่ายหญิงที่เกาหลี ก่อนที่จะบินกลับไทยก่อนเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 เนื่องจากฝ่ายชายจับได้ว่าฝ่ายหญิงมีผู้ชายอีกคน จึงขอเลิกกับฝ่ายหญิงและมีการทะเลาะกันรุนแรง และล่าสุดเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน ผู้บาดเจ็บให้การว่า ขอเลิกขาดแต่ฝ่ายหญิงก็ยังไม่ยอมเลิก และข่มขู่เอาไว้ว่าจะทำให้เสียโฉม กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ตำรวจจะเร่งทำการสืบสวนสอบสวน หาพยานหลักฐานเชื่อมโยงในคดีดังกล่าวให้ครบทุกมิติ เพื่อติดตามตัวชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน ที่มาทำร้ายให้มารับผิดตามกฎหมาย จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และจากประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุพบว่า รถยนต์กระบะคันที่ใช้ก่อเหตุนั้น เป็นรถกระบะวีโก้ แค๊บ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเรายังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มใด หรือเป็นคนเดียวกันกับที่โทรศัพท์มาติดต่อหรือไม่

จากการตรวจสอบโทรศัพท์นั้น ทราบว่าเป็นชื่อผู้ใช้อยู่ที่ จ.มหาสารคาม แต่การโทรจ้างงานนั้นต้องการให้ไปแสดงที่ จ.ยโสธร หากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เกิดจากอะไรก็จะดำเนินการในส่วนนั้น หากแฟนสาวมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีด้วยเช่นกัน และประเด็นอื่น ๆ แม่ยกหรือแฟนคลับหมอลำ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผู้บาดเจ็บก็เพิ่งตั้งวงได้ไม่นาน และจากพฤติการณ์เชื่อได้ว่าจะมีการจ้างวาน เพราะมีการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ก่อนจะมีการทำร้ายแล้วก็ไป แต่ไม่ประสงค์ถึงขั้นเอาชีวิต อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานล่าตัวคนร้าย และผู้ที่เกี่วข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.