เปิดใจครั้งแรกนักร้องสาวใต้ บิว กัลยาณี หลังสูญเสียพี่ชายอย่างไม่มีวันกลับเหตุเพราะพนันออนไลน์ เผยมีลางสังหรณ์บอกเหตุก่อนพี่ชายเสียชีวิต และเรื่องราวสุดหลอนวิญญาณพี่ชายเข้าฝันเพื่อนนักร้องถึงบ้าน ขอร้องให้ทำสิ่งที่ยังห่วง พร้อมเล่าเหตุการณ์โดนทำของใส่นานกว่า 4 ปี ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ Show แบบจัดเต็ม

บิว เผยว่า “ตอนนี้โอเคขึ้นด้วยต้องบังคับตัวเองให้ต้องโอเค อาชีพเราอาชีพเอ็นเตอร์เทน เพราะฉะนั้นถ้าเรากลับมาไม่ได้เราจะทำงานไม่ได้เลย  สภาพจิตใจ ตอนนี้ยังนอนไม่หลับ พอหลับตาก็ยังเห็นภาพเหตุการณ์วันที่ไปยืนรอ ตอนที่ยังหาศพไม่เจอ เหมือนมันกะทันหันนิดหน่อย แม่กับพ่อก็ยังทำใจไม่ได้ ยังแย่อยู่ เพราะว่าเป็นลูกชายคนเดียวเหมือนผู้สืบสกุล ถ้ามันเป็นการตายด้วยอุบัติเหตุยังมีความรู้สึกว่าเขาอาจจะมีความสุขไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่มันเป็นการตายแบบตั้งใจตายเพราะตัวเองมีความทุกข์ ตอนแรกตัดสินใจว่าจะมาพูดดีเหรอ กลัวแม่ดูแล้วทำใจไม่ได้ แต่บอกแม่ว่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ แล้ววันหนึ่งมันมาเกิดขึ้นกับเรา ซึ่งเราเป็นคนที่ขึ้นเวทีแล้วก็บอกว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับการพนัน จะแนะนำน้องๆ ทุกครั้งที่ขึ้นคอนเสิร์ต แล้ววันหนึ่งมาเกิดขึ้นกับครอบครัวเราเองกับพี่เราเอง เพราะฉะนั้นเราถึงอยากจะบอกทุกคนว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ให้คอยสังเกตคนในครอบครัว เพราะพี่ชายอายุ 45 มีงานมีการเป็นหลักแหล่งดี ไม่คิดจะมายุ่งกับเรื่องนี้ได้ ครอบครัวก็อบอุ่นดีทุกอย่าง”

“ตอนทราบข่าวพี่ชาย ตอนนั้นไปแก้บน ไปไหว้พระที่สิงคโปร์ กำลังจะกลับพอถึงสนามบินมีพี่คนหนึ่งโทรฯมา บิวใช่ไหมคะ น้องไม่รู้จักพี่หรอก พี่เป็นกู้ภัย น้องมีพี่ชายชื่อนี้หรือเปล่า น้องทำใจดีๆ นะ เขาบอกว่าพี่ชายกระโดดสะพานศรีสุราษฎร์เป็นสะพานที่สูงที่สุดในภาคใต้ ถ้ากระโดดลงไปจริงๆ เหมือนลงกระแทกซีเมนต์เพราะคนที่เขาไม่ตายก็มี แต่ข้างในแตกหมด ตับแตก ปอดฉีก ตอนรับโทรศัพท์ที่มีคนแจ้งไม่ได้คิดว่าเขาโกหกเพราะเขาทราบชื่อนามสกุล แล้วเขาบอกว่าเป็นกู้ภัย ก็เลยถามพี่เขาว่าแต่พี่ชายหนูว่ายน้ำเป็นนะ หลอกตัวเอง เขาบอกว่าจมไปแล้วค่ะ มีเรือผ่านโยนเชือกให้แต่พี่ชายหนูไม่รับ แต่ในใจคิดว่าลงกระแทกขนาดนั้นคงจะมึน ส่วนนึงอาจจะคว้าไม่ได้ อาจจะมึน พี่ชายหนูเขาตั้งใจโดดตั้งใจค่ะ เพราะว่ามีคนเกลี้ยกล่อมลงไปแล้ว 1 ครั้ง ขึ้นมาแล้วมีคนมาเกลี้ยกล่อม มีพี่กู้ภัย  คือไปปุ๊บกำลังจะกระโดดมีคนเกลี้ยกล่อม แล้วเห็นคนเยอะก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ลงมา พอเห็นไม่มีคนเขาขึ้นมาอีกทีภายในครึ่งชั่วโมง เขาขึ้นมาครั้งที่สอง พี่คนที่เจอครั้งแรกขับตุ๊กๆ ผ่านมาพอดี เขาก็เลยจอดถามว่า น้องขึ้นมาทำไมอีก ทำไมยังไม่กลับบ้าน เขาก็บอกว่าพี่จำคนผิดแล้วครับ พี่เขาก็เลยกลับหลังหันไปหยิบโทรศัพท์มาดูรูปว่าคนเดียวกันไหม จังหวะที่หันหลัง เขากระโดดเลย พี่คนนั้นเขาหันมาตะครุบไม่ทัน ขาแหกไปเลย”

บิว เล่าต่อว่า “เรื่องที่เขาคิดสั้นมันมาจากพนันออนไลน์ มันเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดทางการเงิน เขามีครอบครัวแต่ไม่มีลูก คิดว่าเป็นการลงทุนกับพี่สะใภ้ เอาบ้านเข้าธนาคารเพื่อเอาเงินก้อนหนึ่งมาทำธุรกิจ แล้วก็โดนโกง เพื่อนโกง เยอะเท่าไหร่ไม่รู้แต่มันปลดไม่หมดซักที ทางบ้านช่วยเท่าไหร่ก็ไม่หมด เงินเดือนเขาก็เยอะนะเกือบ 30,000 บาท พี่สะใภ้ก็ทำงาน ทุกคนทำงานหมด แต่ปลดไม่หมดซักที มันจะมีเข้ามาเรื่อยๆ บิวเองก็ช่วยเรียกว่าช่วยมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หลายคนบอกว่าทำไมไม่ถามว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ ปลดให้มันหมด เราก็คนมีตังค์ทำไมไมช่วยพี่ แต่เราไม่ได้ความจริงจากพี่ เขาไม่บอก ที่เรารู้เพราะเมื่อ 3-6 เดือนที่แล้ว เขาผอม เขาเหมือนคนไม่นอน อันนี้ไปเจอเพื่อนเขาในงานศพ เขาบอกว่า บอยไม่นอนนะกลางคืนเล่นโทรศัพท์ตลอด แล้วก็โทรศัพท์เขาใครแตะไม่ได้ แต่เขาไม่เล่นโซเชียล แต่ประเด็นคือขอเงินยิบย่อย 300, 600 บ่อย วันเว้นวัน แต่กับแม่ทุกวัน 1,000-1,500 เราไม่ได้สงสัย เพราะมันเป็นเงินน้อย เพื่อนเขาก็เลยบอกตอนเสียแล้ว เขาก็บอกว่าเตือนแล้ว ห้ามแล้ว ไม่ฟัง พอรู้เสียใจในส่วนที่เขาเป็นพี่ชาย ความเป็นพี่น้องกันเสียใจ เสียใจที่อายุน้อยทำอะไรได้อีกเยอะ สืบสกุลได้อีก คืออายุยังน้อยมากที่จะต้องตัดสินใจไปแบบนี้ เสียใจตรงนี้เราต้องทำใจ แต่เสียดายที่ทำไมถึงไม่โทรฯหาเราซักกริ๊งนึงหรือแวะไปหาแม่ แต่ไม่เข้าไปในบ้าน วันที่กระโดดแวะเข้าไปหาแม่จอดมอเตอร์ไซค์เดินเข้าประตูรั้วไปชะเง้อๆ แล้วก็ออกมา ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ถ้าวันนั้นเปิดประตูบ้านเข้าไปหาแม่ แม่นั่งอยู่หน้าทีวี อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้”

เรื่องโทรฯคุยคือน้อยมากเกี่ยวกับปัญหาชีวิต แต่บางครั้งพอดื่มอาจจะมีอารมณ์น้อยใจขึ้นมา ตัดพ้อ 45 แล้วยังไม่ได้มีอะไรเป็นหลักเป็นฐานเลย มีรถคันเดียวในชีวิตบ้านก็ยังไม่มี เราก็บอกว่าไม่เป็นไรบ้านเราไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่บ้าน มีคนบอกว่าเขาพิมพ์อะไรซักอย่าง ยาว ก่อนจะโดด ก็เลยคุยกับแม่ว่าเอายังไงดีจะลองไปค้นหารหัสเพื่อที่จะเปิดดูไหม แม่บอกว่าในเมื่อเขาไม่อยู่แล้วก็อย่าไปรับรู้อะไรอีกเลย คนตายตายไปแล้ว แต่คนที่อยู่มันรับอะไรไม่ได้อีกแล้ว เกิดเขาเขียนน้อยใจมันจะติดอยู่กับเราไปจนวันตาย เพราะฉะนั้นให้มันจบไปกับเขาให้หมด ไม่อยากรับรู้เพราะว่าขนาดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางวันเราสติแตกขนาดว่า ตอนลงไปพี่เจ็บมั้ยวะ แล้วตัวเองขึ้นไปยืนขอบที่นอนแล้วกระโดดลงมา ขึ้นไปยืนแล้วก็กระโดดลงมา เหมือนคนบ้า คนที่เรารักเราไม่อยากให้เจ็บเลยแม้แต่ซักนิดเดียว เราใช้เวลากว่า 3 วันกว่าจะเจอศพ วันแรกต้องขอโทษด้วยที่วันแรกไม่ได้รับสายใครเลยเพราะพูดไม่ได้ มันเหมือนคนช็อก ถ่ายท้องตลอดเวลา ถือขวดน้ำไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย อีกวันหนึ่งติดงาน พยายามโฟกัสให้เสร็จเร็วๆ ที่สุด พ่อกับแม่เราไม่อยากให้ลงน้ำอยู่แล้ว อีกวันหนึ่งพี่กู้ภัยถามว่าไม่ลงไปเรียกพี่หน่อยเหรอเผื่อพี่จะรออยู่ ก็เลยลงไปกับกู้ภัยด้วย ลงไปก็ตะโกนเรียก ขึ้นมาได้แล้วนะพ่อกับแม่รอ อยู่ตรงไหน งอนอะไรหรือเปล่า โกรธอะไร กลับบ้านเถอะอยู่ในนี้มันหนาว ตรงนั้นมันเป็นปากอ่าวซึ่งเรากลัวว่าจะออกทะเล”

“ตอนเจอศพนอนคว่ำ ไม่กล้ามอง เขาใส่ชุดสีเหลืองชุดทำงาน เขาก็ถามว่าเอาขึ้นเรือไหม กลับกับเราไหม ก็นึกอยู่กลัวว่าจะติดตา แต่ก็เอาขึ้นเรือกลับด้วยกัน เขาก็เอาใส่ถุงซิปล็อก  การเสียพี่ชายสำหรับหนูผลกระทบมันน้อยกว่าพ่อกับแม่เยอะ เพราะว่าเขาคงคาดหวังในตัวของลูกชาย แต่สำหรับหนูแล้วเขาเป็นหัวใจของคนที่บ้าน เพราะฉะนั้นมันก็ระส่ำระสายในเรื่องของความรู้สึก แต่เรื่องการงานแทบจะไม่กระทบเลย เรื่องก่อนพี่ชายเสียมีลางสังหรณ์ด้วย คือไปออกรายการเพลงรายการหนึ่ง ในบทพี่หลวงไก่เขาแสดงเป็นพี่ชาย ในเพลงที่หลวงไก่เสีย เราก็จะเป็นคนหันไปถือธูปแล้วก็ร้องเพลง วันนั้นเราถือธูปร้องไห้แบบจะขาดใจ พอกลับมาถึงบ้านที่ห้องนอนเป็นกระจก นกบินชนตุ๊บตายอยู่ตรงนั้น ยังตัดพ้อนกว่าอยู่บนที่สูงยังลงมาตายบนที่ต่ำๆ ได้ เสียชาติเกิดจริงๆ ยังไปว่านกอยู่เลย โดยที่เราไม่คิด เสร็จแล้วก็เดินทางไปสิงคโปร์ ไปสิงคโปร์รอบนี้ทำไมใจมันว้าวุ่นจังเลย มันไม่สนุกมันอยากกลับ”

“มีคนทักตั้งแต่แรกๆ พี่ชายไม่ตายก็ติดคุก เป็นพี่คนหนึ่งที่เขามีเซนส์ ทักเมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องช่วงเดือนพฤศจิกายน เขาบอกว่าอย่าให้แม่อยู่บ้านคนเดียว ถ้าแม่อยู่บ้านคนเดี๋ยวพี่ชายจะนำเรื่องมาให้ ถ้าพี่ชายนำเรื่องมาให้แล้วแกอยู่บ้านคนเดียวแกอาจจะช็อกไปเลย เพราะว่าพี่ชายจะนำเรื่องมาให้เป็นเรื่องใหญ่ หนูถามว่าใหญ่ขนาดไหน เขาบอกว่าใหญ่มาก เสียเลือดเสียเนื้อนะ เราก็นึกว่าเจ้าหนี้จะตามมาที่บ้านแล้วจะมีปัญหากันหรือเปล่า  อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ หลังจากเจอร่างแล้วเอาไปวัดแล้ว คืนที่ 2 คุณนุ้ย สุวีณา เพื่อนนักร้องด้วยกันเขามา แล้วเขาไหว้ เดินไปหน้าโรงกลิ่นเหม็นเน่ามาเลย ก็เลยบอกให้เขารีบปักธูปแล้วเดินออกไปตรงอื่นดีกว่า เสร็จแล้วนางก็กลับจากสุราษฎร์ธานีขับไปถึงสตูลตอนนั้นก็จะตีหนึ่งแล้ว พอเข้าบ้านเหม็นเหมือนเดิม นางก็นึกว่าหมาคาบกบเน่าหรืออะไรเน่าเข้าบ้านหรือเปล่า แต่ก็หาไม่เจอ ก็นอน พอนอนปุ๊บมีเสียงร้องไห้ ผู้ชายมานั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ พี่ครับ ช่วยผมที ผมมีเรื่องที่ห่วงเรื่องสุดท้ายแล้ว พี่ช่วยผมทีนะครับ แต่นางบอกว่าแต่เสียงเหมือนอั้นๆ อยู่ในน้ำ นางก็แบบใช่แน่เลย ในความรู้สึกเขาบอกว่ามีอะไร ถ้าช่วยได้จะช่วย เขาก็บอกว่าเรื่องเงิน 40,000 แล้วก็เรื่องรถเขา ไม่มีใครรู้จนไปถามพี่สะใภ้ว่ามีประเด็นเรื่องเงิน 40,000 ไหมของพี่บอย นางร้องไห้  ไปเอาเงินเขามา 40,000  รถคือตอนแรกหาไม่เจอ ไปอยู่ที่เพื่อนอีกคนหนึ่งเอาไปจำนำ ไม่มีใครรู้ ก็ว่าวันที่เขาเสียทำไมรถไม่อยู่ที่หอพักเขา พอได้มาแม่ก็ไปจุดธูปบอก จัดการให้แล้วนะไม่ต้องเป็นห่วงนะ ห่วง 2 เรื่องนี้ใช่ไหม แม่บอกว่าเหมือนมีคนมายืนข้างหลังมายินชิดติดเลย ตอนนั้นแกก็ไหว้คุยกับลูกชายอยู่ แกก็หันไปเหมือนคนเนี้ยกลับหลังไปนั่งคอยมีเก้าอี้อยู่เยื้องๆกัน ก็เลยนึกว่าอาเพราะอาชอบมาพยุงกลัวแม่เป็นลม นึกว่าอาไปนั่งคอย แต่จริงๆ คอยยืนอยู่กับหนู 2 คน เขาก็ถามว่าอาไปไหนแล้ว หนูบอกว่าไม่มี ยืนกับหนูแค่ 2 คน”

นักร้องดังเล่าอีกว่า “อยากบอกพี่ชายหนูว่าถ้าชีวิตมันช้ำมากมีความทุกข์มาก ตอนนี้หลุดพ้นไปแล้ว ไปอยู่ในที่ที่อยากอยู่อยากไป อยู่ในที่ที่มีความสุข ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น พ่อแม่ หนู พี่หนิง อยู่ได้ พี่จ๋าอยู่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว ขอให้มีความสุขจากนี้ตลอดไป เราจะคอยทำบุญไปให้ไม่ลืม ยังไงก็อยู่ในหัวใจตลอดไป ส่วนคนติดพนันออนไลน์ คนที่ติดพนันออนไลน์บอกเลยว่า เล่นเท่าไหร่ก็ไม่พอ เทคนิคของเขาก็คือเติม 100 ได้ 300 เติมภายใน 5 นาที 10 นาทีนี้ เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่เรา มันอยู่ที่การตัดสินใจของเราเท่านั้น นิ้วของเรา ตาของเรา ไม่มีใครบังคับได้นอกจากตัวเราเอง หยุดเถอะค่ะ ส่วนเรื่องเราไปมูจนโดนของ ตอนที่โดนของ ไม่มีงาน โทรศัพท์นักร้องไม่มีใครโทรฯหาเลย เพื่อนก็ไม่คบ หน้าดำคร่ำเครียด งานก็ชวดหมดมันคงจะถึงเวลาแล้ว พี่คนที่เคยทักเรื่องพี่ชาย เค้าบอกว่าไปหาคนๆนึงนะที่อยู่จังหวัดพัทลุง แล้วเดี๋ยวเค้าจะบอกเราเองว่าเจออะไร ต้องทำยังไง เขาบอกแค่นั้นเลย วันที่ไปยังโดนผีหลอกอยู่เลย เราขึ้นเครื่องไปลงหาดใหญ่กำลังจะขึ้นรถตู้ไปลงพัทลุง โทรศัพท์หาเขา พ่ออีก 100 กิโลจะถึงบ้านพ่อแล้วนะ ไม่อยู่ไม่ต้องมา เป็นเสียงเขาแต่เหมือนอยู่ในงานอะไรซักอย่างที่มีวงมโหรี เราก็ถามว่านัดหนูไว้แล้วแล้วทำไมถึงออกไปข้างนอก เราก็โทรฯกลับไปหาเขาอีกทีนึง เขาก็บอกว่าไปเลยไปให้ถึงบ้านอย่าไปฟังอะไร เราก็ไปถึงหน้าปากซอย แล้วก็ยกหูหาเขาบอกว่าอยู่หน้าปากซอยแล้วนะ เขาก็ตอบว่าไม่อยู่ยังไม่เสร็จยังไม่กลับ ก็หน้าด้านไปถึงบ้านเขา เขาก็ยืนงงอยู่หน้าบ้าน เขาบอกว่าเราไปโดนคนคนหนึ่งที่เคยมาออกครั้งที่แล้วไปดูเทปเก่าได้ของคุยแซ่บโชว์ เขาจะทำเราถึงตายเลย เป็นผู้หญิงของเขา เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราไปแย่งเขามา ก็เขาบอกเราว่าเขาโสด เขาบอกว่าเลิกกันแล้ว เขาบอกว่าเราโดนของมีด้ายแดง ด้ายดำด้ายขาว เขาก็อธิบายให้ฟัง มึงไปซื้อไข่มา เดี๋ยวกูทำให้ดู เราไปซื้อเอง วางไข่ไว้ข้างเรา เขาก็ทำพิธีประมาณซัก 3 นาที เขาก็ตอกไข่ให้ดู ด้ายก็ยาวจริง ตอนแรกออกมาเป็นสีดำ ทำครั้งที่ 2 ออกมาเป็นสีแดง ทำครั้งที่ 3 เป็นสีขาว ที่มัดเราไว้ ตอนแรกที่ไปหนูยังคิดว่าปาหี่หรือเปล่า แต่ไปกับพี่คนหนึ่งให้เขาถ่ายคลิปไว้ตลอด ไม่มีการสับเปลี่ยนไข่ไม่มีอะไรเลย ไข่ 5 ใบ ตอกออกมา 3 ใบมีของ อีก 2 ใบ ก็ตอกให้ดูเลยก็ใสเป็นปกติ”