จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ก.พ. พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ได้ทำการนัดหมายผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 57/2566 หรือคดีหุ้นสตาร์ค (STARK) อย่างน้อย 3 ราย ได้แก่ 1.นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ 2.น.ส.ยสบวร อำมฤต และ 3.นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ฟังคำสั่งคดี หลังจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาในคดีไปก่อนเเล้ว 7 ราย จากทั้งหมด 12 รายที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัดหมาย น.ส.ยสบวร และ นายกิตติศักดิ์ ได้เข้ามาฟังคำสั่งคดีกับอัยการ ขณะที่นายวนรัชต์ ไม่ได้เข้ามารับฟังคำสั่งคดี มีเพียงทนายความที่เข้ามาพบและแจ้งว่านายวนรัชต์ขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งคดี เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ต่อมาสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 วรรคท้าย (ส่งผู้ร้ายข้ามแดน) โดยให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนทราบว่า นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ต้องหา ได้เข้ารับการผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คณะพนักงานสอบสวนจึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ และตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเฝ้าระวังผู้ต้องหาอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการหลบหนี โดยขณะนี้ ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 4 ราย จากศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาและเฝ้าผู้ต้องหาไว้

เนื่องจากได้รับทราบว่าเจ้าตัวเข้ารับการผ่าตัดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และอาการปลอดภัย โดยในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ.นี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะควบคุมตัวนำส่งฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งจะต้องดูว่าหลังการผ่าตัด ผู้ต้องหาสามารถให้การช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ แต่ถ้าภายหลังการผ่าตัดยังไม่หายดี ยังให้การช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่าที่ควร เราก็จะต้องมีการประเมินกับทางแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาอีกครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหลบหนีได้แน่นอน และตนต้องชี้แจงว่าในวันนี้เรายังไม่ได้ทำการจับกุม แต่ว่าไปขอหมายจับจากศาลเพราะเกรงว่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าผู้ต้องหาไว้ก่อนถึงวันส่งฟ้องต่อศาล.