งานนี้ “นายกฯ เศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ออกมาคอนเฟิร์มชัดๆ ว่า “อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับการพักโทษ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว เราว่าไปตามกฎหมาย นายทักษิณเองก็เป็นอดีตนายกฯ มาหลายปี ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน ยืนยันว่าตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกอย่าง ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว”

สำทับด้วย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า มีรายชื่อนายทักษิณ เข้าเกณฑ์การพักโทษ เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ส่วนจะได้รับการพักโทษเมื่อไหร่ หากครบ 6 เดือนแล้ว ก็จะได้รับการพักโทษ ขณะที่ “ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุเช่นกันว่า “ทางครอบครัวทราบในหลักการอยู่แล้วว่า ถ้าถึง 6 เดือนเมื่อไหร่ ทางคุณพ่อจะได้รับการพักโทษ กลับบ้าน แล้วได้พัก แล้วแพทย์อนุญาต”

นับถอยหลังกลับคฤหาสน์จันทร์ส่องหล้าแบบเท่ๆ คงต้องจับต่อว่า “ศูนย์กลางอำนาจ” การกลับออกมาในครั้งนี้ เมื่อนายทักษิณถูกปลดพันธนาการไปแล้ว อำนาจจะกลับมาอยู่ในมืออีกครั้งหรือไม่ และต้องมองข้ามชอตไปถึงทำเนียบรัฐบาล อำนาจสั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรี ของ “นายกฯ เศรษฐา” ในทางกฎหมายย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เบื้องหลัง อาจมีการมองว่าเป็น “นายกฯเงา” เพราะ “เจ้าของพรรค” ตัวจริงกลับมา สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่มากก็น้อยแน่นอน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การได้รับพักโทษและกลับบ้านของ “ทักษิณ ชินวัตร” กลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ให้กับพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลแน่นอน ที่สร้างกระแสความไม่พอใจให้กับสังคมตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ได้ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม เพราะไม่เคยถูกคุมขังสักวันเดียว แม้ว่าจะได้รับการอภัยโทษลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แล้วก็ตาม แต่เพราะป่วยต้องมารักษาอาการป่วยขั้นวิกฤติที่โรงพยาบาลตำรวจแทน

นาทีจึงต้องจับตาการกลับมาของนายทักษิณ จะมีบทบาทท่าทีต่อกระดานอำนาจ รัฐบาล และการเมืองไทยเช่นไร หลังได้รับอิสรภาพ แต่ดูแนวโน้มแล้วคงไม่กลับบ้านไปกบดานเงียบๆ แน่ อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ อาจจะอยู่หลังฉากเดินทางสายกลางทำหน้าที่เป็นกุนซือช่วยให้คำแนะนำการทำงานรัฐบาล มากกว่าเปิดหน้าคอมเมนต์เรื่องการเมือง อาจจะเสี่ยง กับกระแสตีกลับที่อาจจะรุนแรง.