สรุปว่า รัฐบาลก็ไหลไปได้เรื่อย บอกว่า “หาเสียงน่ะ นโยบายพรรค แต่สุดท้ายต้องออกเป็นนโยบายรัฐบาล” ดังนั้น..สรุปว่า กฎหมายเรื่องชี้แจงเรื่องที่มาของเงิน ความคุ้มค่าของนโยบาย ก็แค่เสือกระดาษ จะหาเสียงอย่างไรก็ได้ ถึงเวลาเป็นรัฐบาลก็พูดแบบนี้แหละว่า “มันต้องเอานโยบายพรรคร่วมมาด้วย แล้วทำตามนโยบายพรรคเดียว เงินไม่พอ”

แล้วก็ไม่รู้อีกนานไหม กับการพายเรือในอ่าง ที่นายเศรษฐา และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะต้องตอบคำถามเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ได้เมื่อไรๆ ก็คงจะประวิงเวลาไปเรื่อยๆ เผลอๆ ไม่รู้จะได้ปีนี้หรือเปล่า เพราะถ้าออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ สภาก็จะปิดสมัยเดือน เม.ย. วาระเข้าทันหรือไม่ ถ้าตะบี้ตะบันรับฟังความเห็นไปเรื่อย หรือจะตั้งเป็นงบผูกพันในงบปี 68

เรื่องต่อมาที่มีปัญหาแก้ไม่ตกเสียที คือสร้างความปรองดอง จะตั้งกรรมการนิรโทษก็เถียงกันไม่หยุด ว่าจะนิรโทษคดีไหน น่าหัวเราะที่นายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ออกมาด่านิ่มๆ ว่า คงไม่ไปให้ความเห็น เพราะ คอป. เคยทำรายงานส่งไปแล้ว ไปอ่านเอาสิ

แล้วก็เกิดเรื่อง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กลุ่มทะลุวัง มีเรื่องกับตำรวจตามขบวนเสด็จ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ “ดูแลให้เงียบ” ได้ คือ น.ส.ทานตะวัน ก็มีกล้องหน้ารถ เอาคลิปเถียงตำรวจฉอดๆๆ มาลงโซเชียลฯ ก็เอาหลักฐานนั้นไปแจ้งความข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หรือข้อหาอื่นๆ ก็ว่าไป จะถอนประกันก็ว่าไป

ทำเงียบๆ ก็ได้ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเต้นตาม กลายเป็นเอาไปตีฟู ปลุกให้เกิดฝั่งปกป้องสถาบันเคลื่อนไหว ทหาร ตำรวจ ข้าราชการออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งมันกระตุ้นอุณหภูมิในสังคมไทยให้ร้อนขึ้นมาอีก ว่า ต่อไปจะเกิดการปะทะทางความคิด แล้วนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ เริ่มจากการแยกเขาแยกเรา ชี้หน้าอีกฝ่ายเป็นตัวร้าย แล้วก็นำไปสู่การปะทะได้

แต่ก็อย่างว่า เรื่องความรักและศรัทธาของคนเรา ไม่ใช่เรื่องที่เอามาล้อเล่นหรือหยามเหยียด แต่ละฝ่ายก็อ้างสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหว แต่อยากให้หันกลับมามองว่า “อยากให้แสดงสัญลักษณ์อยู่ในพื้นที่ตัวเอง” คือไม่ไปปะทะ และหัดเคารพความเห็นต่าง เดี๋ยวนี้มีการอ้าง “ฝ่ายกูเป็นประชาธิปไตยกว่า” แล้วเมื่อไรจะปรองดอง

อีกเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้นคือ กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้พักโทษแบบเหมือนไม่ได้รับโทษ คือได้เข้าไปดมกลิ่นเรือนจำแป๊บหนึ่ง ก็ป่วยปริศนา หามส่งโรงพยาบาลตำรวจด่วน แล้วก็นอนพักรักษาตัวอยู่ 180 วัน โดยที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะหมอ รพ.ตร. ก็ท่องคาถาสิทธิของผู้ป่วยๆ จนคนเริ่มมองกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน

ทางพรรคก้าวไกล โดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ยอมรับว่า คนที่ได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร ควรได้รับความยุติธรรม แต่ไม่ใช่ลักษณะความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน หรือใช้หลักนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน พร้อมย้ำว่า เปลี่ยนรัฐบาล สังคมต้องการระบอบยุติธรรมที่ดีขึ้น แต่นี่กลับตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ต่อไปจะสร้างความไม่พอใจ

เอาแค่ดิจิทัลวอลเล็ต การสร้างความปรองดอง เรื่องนายทักษิณ รัฐบาลก็คงต้องรับมือจนขับเคลื่อนงานยาก.