เมื่อวันที่ 22 ก.พ. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ราชนาวี มายังเรือหลวงอ่างทอง ซึ่งจอดประจำการอยู่กลางทะเลอ่าวไทย ใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง จากนั้น ผบ.ทร. ได้เดินทางด้วยเรือ ต.998 เพื่อไปยังเรือ ocean valor ซึ่งเป็นเรือร่วมปฏิบัติการของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เพื่อตรวจเยี่ยมปฏิบัติ จากนั้นจะกลับมายังเรือหลวงอ่างทอง เพื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน บริเวณโรงเก็บอากาศยานเรือหลวงอ่างทอง

สำหรับปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย มีการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1. การเตรียมการและเคลื่อนกำลัง เป็นการเตรียมและทดสอบอุปกรณ์ การประชุมวางแผน การฝึกดำน้ำร่วมกับ กองทัพเรือสหรัฐ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนปฏิบัติงานร่วมกัน ขั้นที่ 2. การสำรวจและค้นหาผู้สูญหาย จะสำรวจภายนอกตัวเรือและทำการค้นหาผู้สูญหาย ขั้นที่ 3. การเก็บกู้ยุทโธปกรณ์ และปลดวัตถุอันตราย จะเก็บกู้สิ่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ และการจัดการกับวัตถุที่เป็นอันตราย รวมถึงการเก็บกู้สิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของกำลังพลกองทัพเรือ และขั้นที่ 4 การเดินทางกลับและการสรุปผล จะลำเลียงและขนย้ายอุปกรณ์ที่เก็บกู้ได้ ขึ้นสู่ท่าเรือและสรุปผลการปฏิบัติ

ย้อนไทม์ไลน์ ‘เรือหลวงสุโขทัย’ อับปาง เร่งลำเลียงกำลังพลลอยคอกลางทะเล

เปิดปฏิบัติการ! กู้ซาก ‘เรือหลวงสุโขทัย’ หวังพบ 5 นายทหารเรือสูญหาย

พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ทางกองทัพเรือต้องขอขอบคุณกองทัพเรือสหรัฐ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ เรือ ocean valor เป็นเรือเปล่า ที่ต้องทำการขนอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเครื่องบินจากฮาวาย มาลงที่สิงคโปร์ และนำอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นบนเรือ ocean valor เพื่อมาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ โดยการดำสำรวจจะมีนักดำชุดละ 3 นาย นักดำ 2 นาย อยู่ใต้น้ำ นักดำสำรอง 1 นาย ต่อหนึ่งชุด โดยนักดำของไทยมี 35 คน นักดำสหรัฐมี 14 คน เวลาดำลงถึงใต้ท้อง 10 นาที มีเวลาทำภารกิจ ชุดละ 45 นาที และขึ้นอีก 10 นาที สิ่งแรกหลังจากดำลงไป และจะนำขึ้นมาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจภายในวันนี้ คือ ป้ายชื่อเรือหลวงสุโขทัย

ภารกิจครั้งนี้นับไปอีก 5 วัน จะถ่ายรูปเรือและค้นหาผู้เสียชีวิต สำรวจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร วันที่ 6 ถึงวันที่ 19 จะเป็นการทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นอันตรายและนำทุกอย่างที่สามารถนำขึ้นมาได้ สิ่งของต่างๆ ที่มีคุณค่าทางจิตใจ เราจะนำไปทำอนุสรณ์สถานต่างๆ และจะจบภารกิจนี้ภายใน 19 วัน ภารกิจครั้งนี้ ทางกองทัพเรือมีงบประมาณ 200 ล้าน โดยเป็นงบของกองทัพเรือ 110 ล้าน เป็นงบของรัฐบาล 90 ล้าน โดย 90 ล้านนี้ ทางกองทัพเรือจะคืนให้กับรัฐบาล เพื่อให้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไป

จากการลงสำรวจ หากพบโครงกระดูกมนุษย์ก็จะนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบ DNA และจะดำเนินการให้สมเกียรติเหมือนดังที่ผ่านมา ในส่วนของเรือหลวงสุโขทัย ยังคงตั้งเหมือนเดิม เอียง 7 องศา เหมือนเดิม ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ได้ขอให้เสด็จเตี่ยช่วยให้การปฏิบัติลุล่วงไปด้วยดี วันนี้เป็นวันแรกของการปฏิบัติภารกิจใต้ทะเล น้ำใสมาก ทำให้การปฏิบัติภารกิจไม่มีอุปสรรคใดๆ