จากกรณี เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “คุ๊กกี้แกร็ปด่าลูกค้าจนร้องไห้ ลูกค้าเราเรียกรถมาส่งของ จะเก็บใส่โกดัง แล้วลูกค้าปักหมุดผิด มันเลยจากซอยไปไม่ถึง 50 เมตร ลูกค้าก็เดินออกไปตาม ไปเรียกให้รถเข้ามาในซอย ลูกค้าเราจะเพิ่มเงินให้คนขับอีก 500 บาท แต่คนขับด่าพี่เขาจนร้องไห้ ด่าหนักถึงพ่อแม่เขา พี่เขาจะสแกนจ่าย มันบอกไม่มีเงินสดเหรอ มึงจนขนาดนั้นเลยหรอ แล้วพี่เขามาเอาเงินสดที่แม่เรา 500 บาท แต่แม่เราบอกไม่ให้มันหรอก 500 บาท มันมาเท่าไร ให้มันไปเท่านั้น ปากแบบนี้ พอแม่เราเอาเงินสดไปให้ มันโยนเงินใส่แม่เรา แบบนี้มันสมควรขับรถเหรอ ถ่ายตอนแรกไม่ทัน แต่พยานตรงนั้นเยอะมาก ที่มันด่าพี่ผู้หญิงร้องไห้ คนที่ขับดีหาเงินให้ครอบครัวมาเสียเพราะมึงไปด้วย #คนขับด่าลูกค้า #พัทยาใต้ #พัทยา จนกลายเป็นที่วิจารณ์ นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ภายในซอยเย็นสบายพัทยาใต้ 18 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยนางสาวป็อกกี้ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี เจ้าของคลิป เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 16.40 น. ซึ่งได้มีหญิงไทยคนหนึ่ง ได้ว่าจ้างรถยนต์รับจ้าง โดยเรียกผ่านแอปพลิเคชั่น (โบลท์) ให้นำสิ่งของมาเก็บไว้ภายในโกดัง ซึ่งเป็นของแม่ตนเอง โดยหญิงดังกล่าว ได้ขับรถเก๋งนำหน้ารถยนต์ของฝ่ายโบลท์ มายังโกดัง แต่พอใกล้จะถึงรถเก๋งได้เลี้ยงเข้าซอยไปก่นอ แต่รถยนต์ของฝ่ายโบลท์ ขับเลยซอย จึงได้ไปตาม ก่อนโชเฟอร์เป็นชายไทยอายุประมาณ 40 ปี เกิดความไม่พอใจ เปิดกระจกรถตะโกนด่าลูกค้าที่ว่าจ้าง ทำไมปักหมุดจนทำให้ขับเลยซอย ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ต่างๆ นานา ลามไปถึงพ่อถึงแม่ นอกจากนี้ยังแสดงพฤติกรรมสุดเถื่อน ด้วยการนำสิ่งของของลูกค้ามาโยนทิ้งไว้กลางถนน จนลูกค้าถึงกับร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้น

นอกจากนี้ ฝ่ายหญิงไทยที่เป็นลูกค้า พยายามแสดงสปิริต ด้วยการจ่ายเงิน 500 บาท ให้กับโบลท์ โดยขอโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคาร แต่โชเฟอร์รายนี้ก็ยังไม่ยอม จนเธอได้เดินมายืมเงินสดจากแม่ของตน เพื่อนำไปจ่าย โดยที่แม่ได้ถือเงิน ไปจ่ายให้แทน แต่ก็ถูกโชเฟอร์ เขวี้ยงเงินตามหลัง แถมยังด่าแม่ด้วยคำที่หยาบคาย ก่อนที่โชเฟอร์ดังกล่าวจะขับรถหนีไป ตนจึงวิ่งมาปลอบพี่ผู้หญิงที่ถูกกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งนำคลิป ซึ่งสามารถบันทึกได้บางช่วง มาโพสต์ลงใน TikTok เพื่ออยากเตือนสติกลุ่มอาชีพที่ทำอาชีพนี้ อยากให้มีความใจเย็นกับลูกค้า เพราะถือว่าเป็นงานบริการ ไม่อยากให้แสดงพฤติกรรมความรุนแรง และอยากให้ต้นสังกัดมีการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย ขณะที่ฝ่ายหญิงที่ถูกกระทำ พูดกับตนเพียงว่า ไม่อยากเอาเรื่อง เพราะกลัวจะถูกตามรังควาน อีกครั้งเธอกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงไม่ได้มีความประสงค์แจ้งความเอาผิดกับโชเฟอร์รายนี้.