เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่หอประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการ จ.ระนอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สส.ระนอง พรรคภูมิใจไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยินดีที่ได้พบกับหัวหน้าส่วนราชการและทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้พบในคราวที่มาประชุม ครม.สัญจร ซึ่งในครั้งนั้นได้ทราบว่าเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะพยามมีปัญหา ไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำมาโรงเรียน เพราะสะพานทำไม่แล้วเสร็จเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมาย ตนจึงได้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำสะพานชั่วคราวไปก่อน ในระหว่างที่เราดำเนินการกับข้อกฎหมายที่ติดขัดอยู่ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยได้เสนอ ครม. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ขอยกเว้นมติ ครม.ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการก่อสร้างสะพานถาวร ที่มีปัญหาค้างคามาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ให้สามารถสร้างได้สำเร็จโดยถูกต้องตามกฎหมาย ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ และจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ระนองด้วย ในชื่อ “โครงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกิจกรรมก่อสร้างถนนและสะพานเชื่อมโยงเส้นทางบริเวณอ่าวเขาควาย ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง จ.ระนอง”

“ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีส่วนร่วมแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ตนได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่า หากพบปัญหาของประชาชน ต้องเร่งแก้ไข อย่าปล่อยให้เกิดความเดือดร้อน แต่ต้องหาทางออกให้ได้ แน่นอนว่า ไม่ใช่เพียงสะพานเกาะพยาม ที่ต้องเอาใจใส่ แต่ทุกพื้นที่ของประเทศ กระทรวงมหาดไทย ต้องใส่ใจ งานของเราคือบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน” รมว.มหาดไทย กล่าว

สำหรับนโยบายที่นายอนุทินมอบให้ส่วนราชการใน จ.ระนอง มีดังนี้ 1.การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ 2.การจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ต้องจริงจัง เข้มแข็ง 3.การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 4.เร่งรัดดำเนินการ โครงการแลนด์บริดจ์.