เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงมหาดไทยได้รับลงทะเบียนประชาชนที่มีความประสงค์ขอให้ทางราชการได้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 153,400 ราย โดยกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งทุกจังหวัด อำเภอ เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาเข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ ซึ่งขณะนี้สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 19,009 ราย มูลหนี้ลดลง 770.77 ล้านบาท และมีกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ประสงค์ดำเนินคดี 319 คดี โดยมีจังหวัดที่สามารถเชิญเจ้าหนี้-ลูกหนี้ เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยครบ 100% จำนวน 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนราธิวาส  ซึ่งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มาพบกันและพูดคุยกัน โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นคนกลาง และหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ติดตามผลภายหลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อให้การแก้ไขปัญหานี้นอกระบบประสบความสำเร็จครบทั้งกระบวนการต่อไป

“ในส่วนของอีก 74 จังหวัด ขณะนี้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ได้บูรณาการส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนถึงอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯ เชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย พร้อมทั้งใช้กลไกทีมอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ซึ่งจะมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้ร่วมในการช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและขอให้ทางราชการช่วยแก้ไขปัญหา โดยในหลายพื้นที่ที่ไม่สามารถหาข้อมูลหรือรู้ตัวของเจ้าหนี้ที่แท้จริงได้ ฝ่ายปกครองยังคงประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดในการค้นหาข้อมูลเพื่อเชิญเจ้าหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และแน่นอนว่าในบางกรณีไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัว เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด คือ การปล่อยเงินกู้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และเป็นการปล่อยเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า กลไกกระทรวงมหาดไทยในระดับพื้นที่ ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ มุ่งมั่นเดินหน้าทุกกระบวนการที่จะหนุนเสริมทำให้พี่น้องประชาชนได้รับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ในทุกมิติ โดยหากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากทุกปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง สามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะเดินทางไปขอรับคำปรึกษา ขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และประสานการปฏิบัติ บูรณาการทุกหน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่อง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน