สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่าศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ ( เซนต์คอม ) ออกแถลงการณ์ ว่าเครื่องบินลำเลียง ซี-130 จำนวน 3 ลำ หย่อนเสบียงทางอากาศรวม 38,000 ชุด เหนือฉนวนกาซา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเป็นครั้งแรกที่กองทัพสหรัฐปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมดังกล่าว หลังกองทัพจอร์แดน กองทัพฝรั่งเศส และกองทัพสหราชอาณาจักรเคยปฏิบัติการมาแล้ว


ทั้งนี้ หน่วยงานบรรเทาทุกข์หลายแห่งให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าการหย่อนเสบียงทางอากาศ “ไม่ได้ผลในระยะยาว” อย่างไรก็ตาม ความเคลื่ออนไหวดังกล่าวของกองทัพสหรัฐเกิดขึ้น หลังประชาชนมากกว่า 100 ราย เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 750 คน จากเหตุการณ์ฝูงชนรุมล้อมขบวนรถมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่เมืองกาซาซิตี ทางเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และทหารอิสราเอลยิงเข้าใส่ประชาชน


อีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลวอชิงตัน เปิดเผยความคืบหน้าของการเจรจาพหุภาคี ที่กรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ เพื่อการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งแหล่งข่าวกล่าวว่า “อิสราเอลยอมรับเงื่อนไขและช้อเสนอทั้งหมดไม่มากก็น้อย” ดังนั้น สถานการณ์นับจากนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มฮามาส


มีรายงานว่า หากข้อตกลงหยุดยิงได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย การสงบศึกคราวนี้จะกินเวลานาน 6 สัปดาห์ กลุ่มฮามาสต้องปล่อยตัวประกันที่เหลือ โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก คนชรา ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่มีโรคประจำตัว


กระนั้น มีความกังวลเช่นกัน ว่าการที่อิสราเอลยังคงยืนยัน จะใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางตอนใต้สุดของฉนวนกาซา และมีพรมแดนติดกับอียิปต์ จะมีผลต่อการเรียกร้องและการตัดสินใจขงกลุ่มฮามาส ต่อการหยุดยิงครั้งนี้ ที่ทุกฝ่ายต้องการให้ครอบคลุมเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นการถือศีลอดของชาวมุสลิม ที่จะเริ่มในวันที่ 10 มี.ค. นี้.

เครดิตภาพ : AFP