เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงินทั้งสิ้น 272,655,350 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเพื่อลดฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ของกรมป่าไม้ เป็นเงิน 109,946,650 บาท และของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน 162,708,700 บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ  

น.ส.เกณิกา กล่าวอีกว่า พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือถือเป็นศูนย์กลางของประเทศที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันมีแหล่งกำเนิดและกิจกรรมที่ก่อมลพิษด้านฝุ่นละออง ได้แก่ ไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร หมอกควันข้ามแดน การจราจรและขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาในช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูงแผ่มาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจายและสะสมในพื้นที่จนเกินมาตรฐาน จึงทำให้พื้นที่นี้ประสบปัญหาปริมาณฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานคุณภาพอากาศ ซึ่งโครงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เป็นการยกระดับในการแก้ไขปัญหาใน 17 จังหวัดภาคเหนือ และพื้นที่ที่มีจุดความร้อน (ฮอตสปอต) และความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟป่า ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.2567 ด้วยการจัดจ้างประชาชนในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นในจุดที่มีความเสี่ยง ทำให้สามารถตรวจพบเหตุไฟป่าได้ทันท่วงที และควบคุมไฟป่าได้รวดเร็ว ลดความรุนแรงและผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรฯ ปรับตัวชี้วัด (เคพีไอ) เชิงรุกแบบหวังผล เพื่อให้ลดปัญหาไฟป่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป รวมถึงขอให้ป้องกันไม่ให้มีการทุจริต อีกทั้งให้นำข้อมูลดาวเทียมและจุดฮอตสปอตมาใช้ นอกจากนี้ให้จัดทีมระงับไฟป่าดูแลอย่างใกล้ชิด