เมื่อวันที่ 4 ก.พ. เวลา 10.10 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แจ้งจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า เรื่องที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์นั้น ตนรับผิดชอบเอง เพราะนายชัยวัฒน์นั้นอยู่กับกระทรวงทรัพยากรฯ ไม่เป็นไรไม่มีปัญหา ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องการกำหนดเสนการแบ่งเขต ก็ให้เป็นเรื่องของคณะอนุกรรมการวันแม็พดำเนินการ และทุกอย่างก็จะจง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันแล้ว

‘เศรษฐา‘ ปล่อยเคลียร์กันเอง ศึก ’เลขาฯส.ป.ก.‘ แจ้งจับ ‘ชัยวัฒน์’ ปมที่ดินส.ป.ก.

ขณะที่นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องการแจ้งความ เป็นการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งตนก็คาดการณ์อยู่แล้วว่า ต้องมาดำเนินการแจ้งความเอาผิดตน เพราะตนไปเอาหมุดเขาออก เพราะหากเขาไม่แจ้งก็แปลว่าหมุดหลักนั้น เป็นหมุดหลักเถื่อน หรือเป็นหมุดหลักเท็จ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ ก็ต้องให้ทางคณะอนุกรรมการวันแม็พชี้ขาด หากตัดสินแล้วหมุดหลักนั้นอยู่ในเขต ส.ป.ก. จริง ตนและเจ้าหน้าที่อุทยานที่เข้าไปจับและถอนหมุดในวันนั้น ก็ต้องถูกดำเนินคดีและรับไปเต็มๆ แต่หากสรุปแล้วหมุดหลักนั้นอยู่ในพื้นที่อุทยานเขาใหญ่ ตนก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องไปตามกระบานการยุติธรรม และตนก็จะฟ้องกลับกับคนที่แจ้งความกล่าวหาตน ไม่ว่าจะเป็นใครที่สั่งการเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้จะจบแบบหล่อๆ ไม่ได้ จะจบแบบที่ไม่มีใครผิดไม่ได้ ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการ

“งานนี้ต้องมีคนผิด เมื่อเขาไม่ผิด ผมก็ต้องผิด เพราะเราทิ้งตัวแล้ว ไม่ใช่ว่าผมจะเกษียณแล้วจึงทิ้งตัว แต่ผมสู้เรื่องป่ามาตลอดชีวิต ดังนั้นถ้าจะให้จบแบบหล่อๆ โดยไม่มีใครผิดไม่ได้ ใครที่ทำหลักฐานเท็จ ใครออกโฉนดโดยมิชอบก็ต้องมีคนผิด สำหรับการกระทำของผม ผมรับผิดชอบตัวเองอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าผมทิ้งตัว เพราะอยากให้ประเทศมีการพัฒนา และมีพื้นที่ป่า 40% อีกทั้งให้ทุกคนโดยเฉพาะข้าราชการมีสำนึกในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนจะมีการมาสอบสวนทางวินัยหรือทำอะไรกับผม ผมไม่กังวล เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้ ต้องมีแปดเปื้อนอยู่แล้ว ผมก็มีหน้าที่ชี้แจงไปตามกระบวนการ“ นายชัยวัฒน์ กล่าว

ขณะที่นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ และฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า การที่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความเอาผิดนายชัยวัฒน์ เป็นการทำตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เวลาแสวงหาข้อเท็จจริง 30 วัน ก่อนจะส่งสำนวนให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อจะให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 159 เพราะนายชัยวัฒน์ เข้าไปถอนหมุด ส.ป.ก. ในพื้นที่ที่ตนเข้าใจว่าเป็นพื้นที่อุทยานฯ แต่การที่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความ เพราะ ส.ป.ก. บอกว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของ ส.ป.ก. นายชัยวัฒน์จะทำไปโดยเจตนาหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ทาง ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบต่อไป แต่ทางกรมอุทยานฯ และ ส.ป.ก. ได้ปรับความเข้าใจกันจนได้ข้อยุติแล้ว