วันที่ 11 มี.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้กำหนดวิธีการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยวิธีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก เพื่อให้การรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจากแอปพลิเคชันถุงเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและโปร่งใส โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

ดังนั้น ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ไปใช้สิทธิที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดรหัสคู่บัตร PIN 6 หลัก และให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการสแกนใบหน้าทุกครั้ง

ยกเว้น กลุ่มผู้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่เดินทางไปยืนยันตัวตนเองไม่ได้ เป็นต้น และกลุ่มผู้ที่สแกนใบหน้าไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นตอนยืนยันตัวตน (e-KYC)

สำหรับกรณีที่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ถูกล็อก ให้ดำเนินการ ดังนี้
1. หากผู้ใช้สิทธิยังจำรหัสเดิมได้ สามารถติดต่อขอปลดล็อกได้ด้วยตนเองผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Welfare Call Center 0-2109-2345 หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ในวันและเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์) ระหว่างเวลา 08.30-17.30 น.
2. กรณีที่ต้องการเปลี่ยนรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก สามารถดำเนินการด้วยตนเองผ่านตู้ ATM บมจ. ธนาคารกรุงไทย (เครื่อง ATM สีเทาที่มีปุ่ม “ทำรายการด้วยบัตรประจำตัวประชาชน”)
3. กรณีจำรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไม่ได้ ให้ติดต่อที่สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เพื่อทำการยืนยันตัวตนใหม่ พร้อมกำหนดรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือ Call Center 0-2270-6400 และหมายเลขโทรศัพท์กลาง 0-2127-7000