เหตุการณ์ที่กลายเป็นอุทาหรณ์ของพ่อแม่ชาวอเมริกันนี้เกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว แต่เพิ่งมีการจับกุมและฟ้องร้องผู้ต้องสงสัยเมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จากหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเขาคือผู้วางยากลุ่มเพื่อนของลูกสาวที่มานอนค้างคืนที่บ้าน

จากบันทึกคำให้การของตำรวจระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ไมเคิล เมย์เดน วัย 57 ปี จงใจใส่ยานอนหลับกลุ่มเบนโซไดอะซีปีนลงในน้ำผลไม้ปั่นที่เขาทำให้ลูกสาวกับเพื่อนของลูกอีก 3 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นเด็กหญิงในวัย 12 ขวบที่มานอนค้างคืนที่บ้านของเขาในเมืองเลคออสวีโก รัฐออริกอน

เมย์เดน ซึ่งขณะนี้โดนภรรยาที่แต่งงานกันมานาน 16 ปี หย่าขาดไปแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุเพียง 2 เดือน ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้ง 9 กระทงเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมและกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรม ระหว่างขึ้นศาลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

หน่วยตำรวจประจำเมืองเลคออสวีโก แถลงว่า เมย์เดน โดนตั้งข้อหา 9 กระทงเนื่องจากเป็นผู้ลงมือทำให้บุคคลอื่นเสพสารเสพติดในความควบคุมและส่งต่อสารเสพติดในความควบคุมให้ผู้เยาว์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุถึงเหตุจูงใจในการกระทำของผู้ต้องสงสัย

ทางการตั้งวงเงินประกันตัวของ เมย์เดน ไว้ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.77 ล้านบาท) ซึ่งขณะนี้เขาได้ประกันตัวออกไปแล้ว

ตามบันทึกคำให้การระบุว่า พ่อแม่ของเพื่อนทั้ง 3 คนของลูกสาวของ เมย์เดน ได้พากลุ่มเด็กหญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในตอนเช้าหลังจากคืนที่เด็ก ๆ ไปค้างคืนและโดนวางยา เด็กหญิงคนหนึ่งในกลุ่มซึ่งดื่มน้ำมะม่วงปั่นเข้าไปถึง 2 แก้ว ให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพยาบาลเด็กแรนดอลล์ว่า หลังจากดื่มน้ำปั่นแก้วที่ 2 ลงไป เธอก็รู้สึกมึน ง่วงซึม ร่างกายเหมือนร้อนไปหมดและขยับตัวไม่ค่อยถนัด

เด็กหญิงอีกคนเล่าว่าเธอและเพื่อน ๆ อีก 3 คนกำลังเล่นเล่าเรื่องผีก่อนนอนกัน เธอยังจำได้ว่าตัวเอง “หัวทิ่ม” ตอนลุกขึ้นยืน แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเพราะตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว และหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย เธอหลับลึกมากซึ่งเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน โดยแม่ของเด็กหญิงเสริมว่าปกติแล้ว เธอเป็นคนที่รู้สึกตัวไวมากระหว่างหลับ

เด็กหญิงยังจำได้ว่าเธอนอนบนเก้าอี้นอนแบบพับได้ถัดจากเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ดื่มน้ำปั่นเข้าไปมากเท่าเธอ เพราะเพื่อนคนนี้ไม่ชอบรสชาติ และยังบอกว่าน้ำปั่นที่พวกเธอดื่มนั้นมีก้อนขาว ๆ อยู่ในน้ำและผงสีขาวบางอย่างโรยหน้า

ส่วนเด็กหญิงที่ดื่มน้ำปั่นเข้าไปไม่มากนักและแกล้งทำเป็นหลับเล่าว่า หลังจากที่กลุ่มของพวกเธอเข้านอนไปได้สักพัก เมย์เดน ก็เข้ามาขยับแขนของเธอที่โอบเพื่อนที่ดื่มน้ำปั่นเข้าไป 2 แก้วออกไป และขยับตัวพวกเธอให้แยกห่างกัน 

เด็กหญิงเล่าต่อไปว่า นอกจาก เมย์เดน จะมายืนชะโงกดูพวกเด็ก ๆ ที่กำลังหลับอยู่นานแล้ว เขายังขยับตัวพวกเธอและทำการทดสอบอีกหลายอย่างเหมือนต้องการให้มั่นใจว่าพวกเธอหลับอยู่จริง ๆ 

หลังจากที่ เมย์เดน ออกจากห้อง เด็กหญิงที่แกล้งทำเป็นหลับก็รีบใช้โทรศัพท์มือถือของเธอส่งข้อความไปหาพ่อแม่และเพื่อนของเธออีกหลายคน ขอความช่วยเหลือให้มารับเธอออกไปจากบ้านของ เมย์เดน ด้วย

ในที่สุด เพื่อนรุ่นโตกว่าของเธอคนหนึ่งที่ได้รับข้อความก็มารับเด็กหญิงที่แกล้งหลับกลับบ้าน และตั้งข้อสังเกตว่า เมย์เดน มีท่าทีมึนเมาตอนที่ขอรับตัวเด็กหญิงออกมา

เมื่อเด็กหญิงที่แกล้งหลับได้กลับถึงบ้านของเธอแล้วก็รีบปลุกพ่อแม่ของเธอและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พ่อแม่ของเธอจึงรีบติดต่อพ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ที่เหลือ จากนั้นพ่อแม่ของเด็กหญิงอีก 2 คนในกลุ่มก็ไปรับลูกสาวกลับบ้านตอนประมาณ 03.00 น. และพาไปโรงพยาบาลในช่วงสาย

พ่อแม่ของเด็กหญิงเหล่านี้เล่าด้วยว่าตอนที่ไปรับลูก ๆ ของพวกเขาออกมานั้น เด็กทั้งสองมีอาการผิดปกติ ดูคล้ายคนป่วยและไม่ค่อยได้สติ  

ในช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้นเอง ตำรวจก็ขอหมายค้นบ้านของ เมย์เดน และพบหลักฐาน เช่น เครื่องปั่นและผสมอาหาร, ครกบดยา, ถ้วยเครื่องดื่ม, หลอดดูดน้ำ, ยาทรามาดอล (ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์) และยานอนหลับเทมาซีแปม 5 ขวด ภายในบ้านของเขา 

รายงานข่าวล่าสุดพบว่า เมย์เดน หลบไปอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ รัฐวอชิงตันแล้ว ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี

ที่มา : people.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES