เมื่อวันที่ 15 มี.ค. พล.ต.ต.​ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ บก.สอท.1 แถลงข่าว​หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 จับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบัญชีม้าและร่วมมือกับกลุ่มขบวนการที่ร่วมกันหลอกส่งข้อความ SMS อ้างข้อมูลเป็นการไฟฟ้า ให้กดลิงก์ขอรับค่าประกันค่ามิเตอร์ แต่กลับพบว่าเป็นแอปพลิเคชันดูดเงิน

พล.ต.ต.​ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพ จะส่ง sms ไปยังผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าสามารถขอรับค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าคืนได้​ และมีลิงก์ส่งมาพร้อมข้อความดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อกดรับเงิน​ เมื่อเข้าไปจะมีวิดีโอคลิปที่ผู้บริหารพูดเรื่องการคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าและมีข้อความว่า “การขอคืนเงินประกันจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันการไฟฟ้าและกรอกข้อมูลเลขบัญชีพร้อมเพย์” ในระหว่างนั้นมิจฉาชีพก็จะชวนคุยถ่วงเวลา รวมทั้งมีการขอเลขบัญชีธนาคารอื่นและให้ทดลองโอนเงินไปยังบัญชีผู้เสียหาย ซึ่งมิจฉาชีพอ้างว่าเกิดปัญหาที่ไม่สามารถโอนเงินค่าประกันคืนให้ได้ จะต้องทำให้บัญชีผู้เสียหายหรือเงิน 0 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินตามที่มิจฉาชีพแนะนำ

ต่อมามีข้อความแจ้งเตือนเงินออกจากบัญชีธนาคาร จึงได้ตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินออกไปจำนวน 2 บัญชี ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทย โดยถูกโอนเข้าบัญชีคนร้าย 6 บัญชี รวมโอนทั้งหมด 7 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินเกือบ 1.7 ล้านบาท​

พล.ต.ต.​ชัชปัณฑกาณฑ์ ยังกล่าวด้วยว่า​ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมหัวหน้าขบวนการดังกล่าว เนื่องจากพบความเชื่อมโยงกว่า 63 คดี สร้างความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธในบางข้อหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, แก้ไขข้อมูล ดัดแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช่เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้ฯ

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหมายจับอีก 1 หมายของศาลจังหวัดภูเก็ต ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”