เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 13.30 น. ที่ร้านอาหารลำดีตี้ขัวแดง จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินทางกลับมาที่ จ.เชียงใหม่ ตลอด 3 วัน ว่า อบอุ่นและดีใจ 17 ปีที่หายไป กลับมาก็คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน คิดถึงอาหาร วัฒนธรรม และคนเก่าๆ ว่าเป็นธรรมชาติที่ทำให้เรากระชุ่มกระชวยขึ้น ส่วนตนจะกลับมาที่ จ.เชียงใหม่ อีกในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือไม่นั้น ตนก็ตั้งใจอยู่ เพราะมีความรักในวัฒนธรรม อยากกลับมา เพราะเขามีประเพณีรดน้ำดำหัว ก็คงว่าจะกลับมา

เมื่อถามว่ากลับมายัง จ.เชียงใหม่ รอบนี้ มองว่าอะไรควรพัฒนาเพิ่มขึ้นบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เป็นปัญหาหนักที่สุด ซึ่งเป็นห่วง และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ก็ทราบปัญหาและจะรีบแก้ไขอยู่ นอกจากนี้ ตนยังมองว่ามีปัญหาความแห้งแล้ง จึงอยากให้ฟื้นด้วยการไม่ต้องใช้น้ำมาก จะทำให้สภาพแวดล้อมชุ่มชื้นเขียวได้ และจะทำให้อากาศกลับมาสภาพดี ซึ่งตนเป็นห่วงแค่นี้ แต่ถึงอย่างไร เศรษฐกิจก็ต้องดี ซึ่งตนเชื่อว่านายกฯ วางแผนฟื้นเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจดี ทุกอย่างก็จะดีตาม พร้อมเปรียบว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าท้องไม่อิ่มก็ลำบาก”

เมื่อถามว่าให้กำลังใจนายเศรษฐาเรื่องอะไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ให้กำลังใจนายเศรษฐาทุกเรื่อง เพราะงานวันนี้มันยากกว่าสมัยช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะมีความซับซ้อนและยากมากกว่า ฝ่ายการเมืองก็ต้องร่วมมือกัน ฉะนั้นต้องให้กำลังใจข้าราชการฝ่ายประจำ และนักการเมืองก็ต้องร่วมมือกัน เพราะมันยากกว่าเดิม เมื่อถามอีกว่าจะให้ข้อคิดนายเศรษฐาอย่างไรบ้าง เพราะนายทักษิณเคยแก้วิกฤติต้มยำกุ้ง นายทักษิณ กล่าวว่า ส่วนใหญ่นายเศรษฐาก็รู้ เพราะเรื่องเดิมที่เราเคยแก้ไขมา บางอย่างก็ใช้ได้ แต่บางอย่างก็ต้องเปลี่ยน เพราะโลกมันเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่กลับถึงประเทศไทยและออกจากโรงพยาบาล นายทักษิณ กล่าวว่า คำว่าดราม่าก็คือเรื่องไม่จริง จบ โอเคไหม ส่วนการเดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ ครั้งนี้ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงอาการป่วย ตนมองว่าไม่เป็นไร ภาวะจิตใจคนสำคัญกว่า ถ้าภาวะจิตใจแย่ ก็อาจจะทำให้อย่างอื่นรวนตามไปได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีเกิน 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ใจมันดี เพราะมีลูกสาวและลูกชายอยู่ใกล้ๆ และยังมีหลานๆ อีก 7 คน เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ของคนแก่ ในวัย 75 ปี

“ถึงอย่างไรก็ให้เข้าใจและเห็นใจคนแก่ในวัย 75 ปีด้วย ที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปนาน วันนี้กลับมา ใครไม่ชอบหน้า ก็ต่างคนต่างอยู่ไป พร้อมยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีอาการป่วยจริง แต่กำลังใจดี ทำให้หลายอย่างดีขึ้น แต่ทุกวันนี้ยังมีปัญหาการกดประสาทของกระดูก ที่คอและหลัง และมีอาการต่อเนื่องจากตอนที่ป่วยโควิด-19 ตอนนั้นอาการหนักมาก ต้องนั้นนอนไอซียูไป 9 วัน ข้างในก็ได้รับผลกระทบ ตอนนี้ยังมีปอดที่ยังคงมีจุดอยู่” นายทักษิณ กล่าว

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายกทักษิณ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “พ่อไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองป่วย” นายทักษิณ จึงกล่าวว่า พยายามอย่างยิ่งให้ยอมรับว่าตัวเองอายุ 75 ปีแล้ว แต่ไม่อยากจะยอมรับความแก่ ทั้งที่มันคือธรรมชาติ แต่บางที เราต้องฝืนมัน เพราะไม่อยากแก่ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ใครดื้อกว่ากันระหว่างพ่อกับลูก น.ส.แพทองธาร เอามือชี้ไปที่นายทักษิณ ก่อนหัวเราะและบอกว่า “คนนี้ค่ะ ไม่ยอมรับว่าป่วย จนกระทั่งได้ผ่าตัดและออกจากไอซียู ถึงจะได้รู้ว่าตัวเองป่วย“

เมื่อถามว่ามีกำหนดจะไปที่ไหนอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ยังไม่ได้คิด แต่ก็ห่วงบ้านเมืองหลายเรื่อง อยู่โรงพยาบาลตำรวจ 6 เดือน ดูข่าวตลอด ดูทีวีทุกช่อง เวลามีอะไรที่กังวล ก็จะจดไว้เยอะมาก” ต่อข้อถามว่าหลังจากนี้จะมีการเดินสายพบแกนนำคนเสื้อแดงพื้นที่อื่นๆ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่คิด ตอนนี้ขอใช้เวลากับครอบครัว มีอะไรก็จะเขียนแนะนำรัฐบาลบ้าง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา เพราะตนเป็นห่วงบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงคนเสื้อแดงบอกว่าน้อยใจที่ยังไม่ได้พบ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่าเพิ่งน้อยใจเลย ทุกอย่างต้องใช้เวลา ตนเพิ่งมาถึง ก็ต้องระมัดระวังความประพฤติของตัวเองด้วย ตนมาเครื่องบิน มาถึงบ้านช้ากว่าเรืออีก เรือใช้เวลาเดินทาง 1 เดือนถึงบ้าน แต่ตนมาเครื่องบินแท้ๆ ใช้เวลา 6 เดือนกว่า เมื่อถามย้ำอีกว่าจะได้เจอนายทักษิณอีกครั้งเมื่อไหร่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้เลย