ลพบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีกำลังทหารเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร จนเรียกว่าเป็นเมืองทหารก็ว่าได้ เพราะหน่วยทหารหลายหน่วยที่เป็นกำลังรบ ก็ประจำการอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เนื่องจากมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย อากาศยาน รถถัง ปืนใหญ่ กระสุน เครื่องตรวจจับประจำการในหน่วยทหารต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ทหารอากาศ หลายท่าน ก็เคยรับราชการในหน่วยทหารที่ จ.ลพบุรี ซึ่งในอนาคต ก็จะมีการย้ายหน่วยทหารที่มีที่ตั้งในกรุงเทพมหานคร มาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี เพื่อที่จะได้ใช้พื้นที่อันเป็นที่ตั้งในกรุงเทพมหานคร ให้มีความเจริญด้านเศรษฐกิจ

โดยหน่วยทหารหน่วยหนึ่งของกองทัพบก ที่เป็นหน่วยในการประสานงานกับหน่วยทหารในจังหวัดลพบุรี ก็คือ มณฑลทหารบกที่ 13 ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ถือกำเนิดมายาวนาน ที่เดิมเรียกว่า จังหวัดทหารบกลพบุรี โดยตั้งขึ้นปี พ.ศ. 2468 จัดตั้งกองบังคับการจังหวัดทหารบกลพบุรี รวมอยู่กับกรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 ที่ตั้งโรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในปัจจุบัน ขึ้นตรงต่อมณฑลทหารบกอยุธยา ปีพุทธศักราช 2469 ยุบเลิกกรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 กองบังคับการจังหวัดลพบุรี ได้ย้ายไปอยู่กับโรงเรียนทหารปืนใหญ่ ปี พ.ศ. 2480 จังหวัดทหารบกลพบุรี ได้ย้ายไปตั้งรวมกับ แผนกที่ 1 กรมจเรทหารบกในค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในปีนั้นจังหวัดทหารบกลพบุรี ได้รับการปรับปรุงกิจการเป็นครั้งแรก และเข้าที่ตั้งเรียบร้อย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2480 จึงถือเอาวันที่ 25 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนาหน่วยสืบมา จนเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2533 ได้แปรสภาพจังหวัดทหารบกลพบุรี เป็นมณฑลทหารบกที่ 13 เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง และ จ.ชัยนาท

โดยปัจจุบันมี พล.ต.นิธิ อิงคสุวรรณ เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 13 สำหรับมณฑลทหารบกที่ 13 นั้น มีภารกิจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ รวมทั้งการศาลทหาร และการเรือนจำ นอกจากนี้ ยังดำเนินการระดมสรรพกำลังและการสัสดี สนับสนุนหน่วยทหารที่อยู่ในเขตพื้นที่ รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์, ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้เบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาความสงบภายใน และป้องกันประเทศ ภารกิจตามที่กองทัพบกกำหนด อาทิ ภารกิจในการให้การสนับสนุนหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะเดียวกัน ได้ปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของกองทัพภาคที่ 1 ทั้งทางด้านการใช้กำลัง การเตรียมกำลัง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางด้านความพร้อมรบที่มีประสิทธิภาพเอาชนะภัยคุกคามได้ทุกมิติ เป็นหลักด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติ โดยใช้ศักยภาพของหน่วยร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งในเรื่องของกำลังพล ครอบครัว ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ดำเนินการตามกลยุทธ์ของกองทัพภาคที่ 1

โดยปฏิบัติภารกิจหน้าที่ให้บังเกิดประสิทธิผลสูงสุด ที่นำมาซึ่งความพึงพอใจและความเชื่อถือศรัทธาในคุณค่าของกองทัพ ซึ่งได้ปฏิบัติภารกิจในการถวายความปลอดภัยและการเทิดพระเกียรติแก่สถาบันพระมหากษัตริย์และสนองพระบรมราโชบาย โดยการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ ในการเสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่รับผิดชอบ การรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติและรักษาความมั่นคงภายใน โดยการจัดกำลังจากกองร้อยทหารสารวัตรและกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 13 ปฏิบัติภารกิจหน้าที่สายตรวจในพื้นที่ชุมชน จัดสารวัตรทหาร จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามเส้นทางคมนาคม เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย จัดกำลังกองร้อยเผชิญสถานการณ์

เพื่อเตรียมพร้อมในการคลี่คลายสถานการณ์เมื่อมีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับความมั่นคงในพื้นที่รับผิดชอบ จัดกำลังพลชุดปฏิบัติงานด้านการข่าว การตรวจการใช้และการเก็บรักษาวัตถุระเบิดโรงโม่หินในพื้นที่ เพื่อป้องกันการรั่วไหลในการนำไปใช้ในการก่อเหตุร้ายภายในประทศ จัดกำลังพลและหน่วยทหารมีวินัย สง่างาม พร้อมรบ และพร้อมที่จะตอบสนองคำสั่งของผู้บังคับบัญชา พัฒนาหน่วยตามโครงการหน่วยทหารสะอาดใส ทหารไทยสง่างาม ของกรมจเรทหารบก และนโยบายของกองทัพตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 13